ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพขึ้น แต่ Upside ไม่สูงนัก
เรามีมุมมองบวกต่อราคาน้ำมันมากขึ้น ภายหลังผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดในเดือนเม.ย.มาแล้ว รวมทั้งการผลักดันขยายเวลาลดปริมาณการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอีก 1 เดือน และการปรับเพิ่มราคาน้ำมัน OSP ของซาอุฯ ได้สะท้อนความตั้งใจของซาอุฯ ในการลดอุปทานในตลาด อย่างไรก็ตาม เรายังระมัดระวังต่อทิศทางราคาน้ำมัน ที่ฟื้นตัวมาแล้วกว่าเท่าตัวจากจุดต่ำสุดเดือนเม.ย. และ Upside ระยะสั้น-กลางไม่สูงนัก เนื่องจาก
1) ปริมาณน้ำมันคงคลังทั่วโลกยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี
2) การฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันยังมีความไม่แน่นอน จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และอัตรากำไรของโรงกลั่นซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันดิบยังอยู่ระดับต่ำมาก
3) รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซสหรัฐฯ ซึ่งจากข้อมูลสถิติ 10 ปี เราคาดว่าจำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลงติดต่อกัน 15 สัปดาห์มีโอกาส พลิกเป็นเพิ่มขึ้นในอีก 1-5 สัปดาห์ข้างหน้า (ล่าสุดแท่นขุดเจาะก๊าซเพิ่มขึ้น 2 แท่นครั้งแรกตั้งแต่เดือนม.ค.)
ปริมาณผลิตของอิรัก, COVID-19 รอบ 2, Exit strategy ของซาอุฯ เป็น Swing factor
ทั้งนี้ เราเห็นความเสี่ยงที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางราคาน้ำมันจาก
1) ความไม่แน่นอนของการปรับลดการผลิตของประเทศที่ยัง Shortfall ในเดือนพ.ค. เช่น อิรัก ไนจีเรีย แองโกลา คาซัคสถาน โดยเฉพาะอิรักที่มี กำลังผลิตอันดับ 2 ของโอเปก และมีรายได้หลักของประเทศจากการขายน้ำมัน เคยเรียกร้องให้ซาอุฯ ทบทวนโควต้าลดการผลิตเพราะกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ต้องจับตาท่าทีของซาอุฯ กรณีอิรักไม่สามารถปฏิบัติตามตัวเลขที่ซาอุฯ กำหนดไว้ได้ โดยทางกลุ่มฯ จะจัดประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) เพื่อติดตาม Compliance ของการลดปริมาณผลิตทุกเดือน (รอบหน้า 18 มิ.ย.)
2) การควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เร่งขึ้นภายหลังการเปิดเมือง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ Worldometer รายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่า 2 ล้านรายแล้ว 3) Exit strategy ของซาอุฯ-รัสเซียเพื่อควบคุมไม่ให้ราคา น้ำมันร้อนแรงเกินไป เพราะจะกระตุ้นให้การผลิตน ้ามัน Shale oil ของสหรัฐฯ กลับมาอีกครั้ง นำไปสู่การล้มเหลวของความร่วมมือของ OPEC+ เช่นหลายครั้งที่ผ่านมาได้
ปรับราคาน้ำมันเป็น US$42-47/bbl…ช่วงที่เหลือของปี ราคาก๊าซกดดัน
เราปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563-2564 เป็น US$42-47/bbl ตามลำดับ (เดิม US$40-42.5/bbl), ราคาน้ำมันระยะยาว US$55/bbl, และปรับปรุงปริมาณขาย-ต้นทุนขายให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของ PTTEP ส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติปี2563-2564 เพิ่มขึ้น 8-37% เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท (-45% YoY) และ 2.4 หมื่นล้านบาท (-2% YoY) ตามลำดับ
ประเมิน Sensitivity ราคาน้ำมันทุก US$1/bbl ที่เปลี่ยนแปลงจากสมมติฐานหลัก จะส่งผลต่อกำไร 840 ล้านบาท ราคาเหมาะสม 2.3 บาท สำหรับผลประกอบการระยะสั้น เรามองโมเมนตัมกำไรปี 2563 ผ่านจุดที่ดีที่สุดของปี ใน 1Q63 ไปแล้ว (กำไร 1Q63 คิดเป็น 35% ของทั้งปี ) เนื่องจากสัญญาราคาก๊าซมี Lag-time 6-12 เดือนยังไม่ได้ปรับลดลงตามราคาน้ำมันช่วงต้นปี ทำให้กำไรช่วงที่เหลือของปี จะถูกกดดันจากราคาก๊าซที่ลดลง (70% ของปริมาณขาย) และปริมาณขาย ก๊าซที่ถูกกดดันจากการทดแทนด้วย LNG ที่ล้นตลาด ทำให้ผู้ใช้ก๊าซหันไปนำเข้า LNG แทนก๊าซในอ่าวไทย
TRADING ตามราคาน้ำมันที่ราคาเหมาะสมใหม่ 91.00 บาท
(BK: กดดูราคาหุ้น PTTEP ล่าสุด)
เราปรับลด WACC เป็น 10% (เดิม 10.5%) เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้อยค่าสินทรัพย์ที่ต่ำลง หลังราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และฐานะการเงินมั่นคงด้วย DE 0.9x เงินสดในมือสูง 1 แสนล้านบาท ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 91.00 บาท ถือว่าเหมาะสมเพราะ Implied เป็ น PBV ที่ 1.0x ใกล้เคียงช่วงปี 2560 ที่หุ้นมี ROE ระดับ 6% และ คาด ROE 2 ปีข้างหน้าระดับ 6-7% ทำให้หุ้นไม่ควรซื้อขายสูงกว่า BV มากนัก ดังนั้น ด้วย Upside gain ที่จำกัด และโมเมนตัมกำไรช่วงที่เหลือของปีอ่อนลง เราคงคำแนะนำเพียง TRADING ตามทิศทางราคาน้ำมัน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
บทความห้ามพลาด
11 หุ้นน้ำมัน -โรงกลั่น ดีดแค่ไหน? เมื่อ SET ขยับ 92.85 จุด ใน 1 week
IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะไม่ฟื้นตัวจนกว่าจะถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย
อัพเดต Kingdom of PTT (BK:PTT) กับ 6 หุ้นดัง!