🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ภาพรวมตลาดลงทุน: การกลับมาของโควิดกดดันตลาดหุ้นและการเปิดเมืองของสหรัฐฯ

เผยแพร่ 15/06/2563 13:00
DJI
-
IXIC
-

 

- ในที่สุดตลาดก็กลับมาให้ความสำคัญกับสถานการณ์โควิด-19 หลังจากที่ทำเป็นไม่สนใจมาระยะหนึ่ง
- มีความเป็นไปได้ที่โควิดจะกลับมาระบาดรอบที่ 2 ในสหรัฐฯ และประเทศจีน
- ทองคำทำผลงานขาขึ้นดีที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์ล่าสุด

 แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะสามารถดีดกลับขึ้นมาจากขาลงที่แรงที่สุดในรอบ 12 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดีแต่ความกังวลของนักลงทุนกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวแบบ V-Shape ริบหรี่และที่สำคัญที่สุดคือการกลับมาระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบที่ 2 กำลังเพิ่มสูงขึ้น 

 ในช่วงสุดสัปดาห์รัฐอาริโซนาและโอคลาโฮมาคือสถานที่ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดใหม่หลังจากคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ในวันเสาร์ฟอร์ริด้ามีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2,581 ราย CDC ระบุว่าหากมีเมืองหรือรัฐที่ตรวจพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องสั่งปิดเมืองหรือพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งในขณะที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ต้องการให้มีการปิดเมืองอีกแล้ว

 สถานการณ์ทางประเทศจีนล่าสุดมีการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตลาดค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่อยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่งที่สุดและมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดจากตลาดนั้น 50 ราย 

 ขาขึ้นที่มีแรงน้อยที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์แม้วันศุกร์จะสามารถกลับขึ้นมาได้

 เมื่อพิจารณาภาพรวมของตลาดลงทุนในวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าการสวิงลงที่เกิดขึ้นของวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายนทำให้นักเก็งกำไรออกจากตลาดไปมากพอสมควร ถึงกระนั้นหุ้นในกลุ่มต่างๆ ของดัชนี S&P 500 ยังสามารถทำผลงานปิดบวกได้เช่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปิดบวก 3.2% กลุ่มการเงินปิดบวก 3% และกลุ่มพลังงานบวก 2.5% 

 หุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยวและสายการบินกลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น แม้จะเปิดสัปดาห์ด้วยขาขึ้น 2.1% แต่เพราะขาลงในวันพฤหัสบดีประกอบกับคำเตือนเรื่องการระบาดรอบ 2 จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ทำให้หุ้นทั้งสองกลุ่มร่วงลงอย่างหนัก โชคยังดีที่สามารถกลับขึ้นมาปิดบวกได้เล็กน้อย

 จริงอยู่ว่าวันศุกร์ตลาดสามารถดีดกลับขึ้นมาได้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีก็ทำให้ดัชนีหลักทั้ง 4 อย่าง S&P 500, ดาวโจนส์, NASDAQ และ Russell 2000 ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ที่น่าตกใจก็คือเหมือนกับว่าตลาดพึ่งจะตื่นมารับความเป็นจริงในวันพฤหัสบดีทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จากสถาบันที่น่าเชื่อถือรวมถึงเราเองก็ได้เตือนถึงความไม่สมเหตุสมผลระหว่าง Main Street และ Wall Street อยู่ตลอด

 เราเคยวิเคราะห์ไปแล้วว่าขาขึ้นครั้งนี้ไม่ยั่งยืนตราบใดที่โลกยังไม่สามารถค้นพบยารักษาโควิด-19 ได้อย่างจริงจัง เราเคยยกกรณีตัวอย่างของไข้หวัดสเปนที่กินเวลาการแพร่ระบาดอยู่ถึง 2 ปี (1918-1920) ในตอนนี้การแพร่ระบาดจะน่ากลัวกว่ารอบแรกเพราะศูนย์กลางการแพร่เชื้อได้เปลี่ยนมาเป็นสหรัฐอเมริกาและประเทศบราซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดในบราซิลซึ่งเป็นประตูสู่ประเทศแอฟริกามีโอกาสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ประเทศโลกที่ 3 ซึ่งไม่ได้มีความสามารถในการรับมือเพียงพอจะต้องเจอกับโควิด-19 และจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นกว่าในรอบแรกจนกลายเป็นการเสียชีวิตจากโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติ

 จากเหตุผลที่กล่าวมาเราจึงวิเคราะห์ว่าตลาดลงทุนต่อจากนี้จะมีความผันผวนที่สลับไปมาระหว่างข่าวดีของความคืบหน้่ายารักษาโรคและข่าวร้ายของยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อวันพฤหัสบดีทาง Investing.com ได้เขียนบทความวิเคราะห์ทางเทคนิคของกราฟดัชนีดาวโจนส์ ในบทความนั้นเรามีความเป็นกังวลว่ากราฟอาจแสดงช่องว่างของราคาที่ชี้ให้เห็นถึงภาวะหมดแรง (Exhaustion Gap) และสร้างรูปแบบกลับตัวที่ชื่อ Island Reversal ออกมาซึ่งดัชนี S&P 500 และดาวโจนส์ก็แสดงพฤติกรรมเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้จริงๆ

 แม้กราฟจะวิ่งกลับลงมาแต่ก็ยังไม่สามารถผ่านแนวรับจากเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นของรูปแบบสามเหลี่ยมลู่ขึ้น (Rising Wedge) ลงมาได้ อย่างไรก็ตามรูปแบบ Island Reversal เป็นรูปแบบที่ส่งผลในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นแต่แนวโน้มหลักโดยรวมยังถือว่าเป็นขาลง การหลุดแนวรับที่ 22,500 จุดของดาวโจนส์จะทำให้รูปแบบสามเหลี่ยมลู่ขึ้นสมบูรณ์ แต่ถ้าราคาสามารถลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมได้ถึงจะถือว่าเป็นขาลงระยะยาวจริงๆ 

 ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ย่อลงมาในที่สุดคือท่าทีของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) เมื่อวันพุธ นายเจอโรม พาวเวลล์คาดว่าจะผลกระทบจากโควิด-19 จะยังอยู่กับมนุษยชาติไปอีกนานจึงทำให้เฟดคิดจะปล่อยอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในระดับใกล้เคียง 0% ไปจนถึงปี 2022 คำเตือนของ เจ พาวเวลล์เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ IMF สถาบันทางการเงินและนักเศรษฐศาสตร์หลายคน

 กราฟราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเมื่อวันศุกร์สามารถปรับตัวขึ้นชดเชยส่วนของขาลงเมื่อวันพฤหัสบดีได้เกือบทั้งหมด

ก่อนหน้านี้กราฟพันธบัตรฯ อายุ 10 ปีร่วงลงแต่ยังไม่สามารถผ่านแนวรับของเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน

 เช่นเดียวกันกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่ตลาดกระทิงสามารถเอาชนะได้นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม

ในกราฟรายชั่วโมงของดอลลาร์สหรัฐพบว่าราคาสามารถสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) เสร็จแล้ว นี่คือขาขึ้นครั้งแรกของดัชนีดอลลาร์สหรัฐในรอบ 4 สัปดาห์ล่าสุด ในกราฟรายสัปดาห์จะเห็นว่าแท่งเทียนได้สร้างรูปแบบค้อน (Hammer) ที่บริเวณแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA และยังเป็นจุดต่ำสุดบริเวณเดียวกันกับจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม สัปดาห์นี้เราจึงคาดหวังให้ดอลลาร์สหรัฐสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาให้ได้เป็นอย่างมาก

 สัปดาห์ที่แล้วทองคำสามารถทำผลงานขาขึ้นรวมแล้วทั้งสิ้น 3.2%

ถือเป็นผลงานขาขึ้นของทองคำที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายนที่สามารถขึ้นมา 6.5% (บริเวณไหล่ขวาของ H&S) นอกจากนี้ยังถือเป็นขาขึ้นที่ดีที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์แม้ว่าดอลลาร์จะปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ในชั่วโมงแห่งความผันผวนแบบนี้บ่อยครั้งที่เราได้เห็นทองคำและดอลลาร์วิ่งไปในทางเดียวกัน เป็นไปได้ไหมที่กราฟกำลังบอกใบ้เป้าหมายของรูปแบบหัวไหล่และสามเหลี่ยมสมมาตร? 

 ราคาน้ำมันยังโชคดีที่สามารถปิดสัปดาห์เป็นบวก 0.39%

ขาขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบเริ่มอ่อนแรงลงทุกทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งแท่งเทียน 2 แท่งล่าสุดที่อยู่ย้ายไปอยู่ฝั่งตลาดหมีแล้ว กราฟมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ด้านบนและราคายังสามารถหลุดเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนได้เรียบร้อย ถึงกระนั้นแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ย 50DMA และเส้น neckline อาจจะสามารพยุงขาลงในรอบนี้เอาไว้ได้แต่ก็ต้องดูว่าในอนาคตอันใกล้นี้กราฟราคาน้ำมันจะสามารถสร้างรูปแบบหัวไหล่ที่นำไปสู่ขาลงระยะยาวได้หรือไม่

 ข่าวเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ (เวลาทั้งหมดเทียบเป็นเวลา EDT)

 

วันอาทิตย์

 

22:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.9% เป็น 5.0% ในเดือนพฤษภาคม

 

วันจันทร์

 

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากเอ็มไพร์ สเตต นิวยอร์ก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -48.50 เป็น -27.50

 

21:30 (ออสเตรเลีย) รายงานการประชุมจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)

 

วันอังคาร

 

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 856.6K เหลือ 370.0K

 

05:00 (เยอรมัน) ดัชนีวัดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจของยุโรป (ZEW): คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 51.0 เป็น 60.0

 

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะฟื้นขึ้นจาก -17.2% ในเดือนเมษายนเป็น 5.1%

 

วันพุธ

 

02:00 (สหราชอาณาจักร) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): คาดว่าแบบปีต่อปีจะลดลงจาก 0.8% เหลือ 0.5%

 

05:00 (ยูโรโซน) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): คาดว่าจะคงที่ 0.1%

 

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.066M เป็น 1.248M

 

08:30 (แคนาดา) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI): คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากตัวเลขครั้งก่อน -0.4% เป็น 0.1%

 

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะลดลงจาก 5.720M เป็นติดลบ 1.738M

 

วันพฤหัสบดี

 

07:00 (สหราชอาณาจักร) ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE): คาดว่าจะคงที่ 0.10%

 

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจำนวนผู้ขอรับฯ จะลดลงจาก 1.542 ล้านคนเหลือ 1.3 ล้านคน

 

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -43.1 เป็น -25.0

 

วันศุกร์

 

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -18.1% เป็น 5.8%

 

06:30 (รัสเซีย) ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรัสเซีย: คาดว่าจะลดลงจาก 5.5% เหลือ 5.0%

 

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก -0.4% เป็น -12.8%



ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย