ภาพรวมตลาดลงทุนประจำสัปดาห์: นักลงทุนยังเชื่อในขาขึ้นแม้ข่าวร้ายโหมกระหน่ำต่อเนื่อ

- ตลาดหุ้นยังอยู่ในขาขึ้นท่ามกลางความหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวแบบ V-Shape และความหวังของเงิน QE ไม่จำกัดแม้เฟดจะออกมาพูดเองว่าการอัดเงินอาจไม่เป็นผล

- ตลาดหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลส่งสัญญาณความเป็นไปได้ในการกลับตัวเมื่อวันศุกร์

- สกุลเงินดอลลาร์อาจขึ้นก่อนที่จะปรับตัวลดลงและเปิดโอกาสให้ขาขึ้นของทองคำอีกครั้ง

สิ่งเดียวที่ดูเหมือนว่านักลงทุนเลือกจะมองในตอนนี้คือแสงสว่างแห่งความหวังที่มาจากการเปิดเมืองของสหรัฐฯ และหลายๆ ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้บรรดาผู้ออกกฎยังคงมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นลบและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ - จีน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% คิดเป็นการวิ่งขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ 3% และหากดูตัวเลขของสองสัปดาห์ล่าสุดจะพบว่า S&P 500 ขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 6.3% สร้างจุดสูงสุดของเดือนพฤษภาคมและหากรวมผลงานของ 2 เดือนล่าสุดแล้วพบว่า S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 17.8% ทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบ 2 เดือนของดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่ปี 2009

แต่ถ้ามองในแง่ของข่าวและข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจแล้วถือว่าน่าเป็นกังวล ตัวเลข GDP ประจำปีของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกติดลบ 5.0% ทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2008 ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะถดถอยครั้งใหญ่และไม่มีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเลยในรอบ 6 ปี นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเหตุการณ์ในตอนนี้กำลังจะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง แม้แต่ประธานเฟดนายเจอโรม พาวเวลล์ยังให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เองว่าอัตราการเติบโตอาจหดตัว 30%

ไม่ใช่เฉพาะประธานเฟดเพียงคนเดียวที่มองเช่นนั้นแม้แต่ IMF ก็คาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ The Great Depression ในปี 1930 ขนาดตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนเมษายนยังลดลงตั้ง 13.6%

นักลงทุนยังคงหลับหูหลับตาเชื่อในขาขึ้นท่ามกลางตัวเลขทางเศรษฐกิจติดลบ

แต่เหตุผลของประธานเฟด IMF หรือผู้เชี่ยวชาญคนใดก็แล้วแต่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนในตลาดขาขึ้นตอนนี้กำลังกังวลเลย ขนาดว่า 2 สัปดาห์ก่อนเฟดออกมาเตือนว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะช้าลงและมีความเปราะบางทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ราคาสินทรัพย์ร่วงลงและเรายังไม่มียารักษาโรคไวรัส แต่นักลงทุนก็ไม่กลัวและไม่คิดจะมองไปที่ความเสี่ยงของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาทำสถิติติดลบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับเดือนมิถุนายนที่พึ่งมาถึง นักวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจอาจจะยิ่งทำให้ตลาดรู้สึกตกใจยิ่งกว่าที่เห็นในเดือนพฤษภาคมอีก เราอาจจะได้เห็นตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมสูงขึ้นจนเกือบแตะ 20% ได้

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมราคาไม่ได้สนใจความกังวลของนักวิเคราะห์เลย ดัชนี S&P 500 กระโดดขึ้นมาแล้ว 36% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดของดัชนีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ถือเป็นขาขึ้นที่ใช้ความพยายามตะเกียดตะกายเป็นอย่างมากหากพิจารณาว่านี่คือขาขึ้นแบบไซด์เวย์ที่พยายามพยุงตัวเองเอาไว้มาตลอดตั้งแต่กลางเดือนเมษายนมาจนถึงปัจจุบัน

จากรูปจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมากราฟสามารถทะลุรูปแบบที่คาดว่าจะเป็นการฟอร์มตัวขาลงได้หมดทั้งสิ้น ในฐานะนักวิเคราะห์ผมไม่อาจทำใจไม่ให้เชื่อข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจและมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้อย่างหมดใจ ยิ่งเห็นขาขึ้นของ S&P 500 ดำเนินไปด้วยความเชื่องช้าและลดระดับความชันลงมา ทำให้ผมไม่อาจวิเคราะห์เข้าข้างตลาดกระทิงได้เลยจริงๆ 

แม้กระทั่งในตอนนี้เองผมก็ยังมองว่ากราฟ S&P 500 อาจจะกำลังสร้างรูปแบบหัวไหล่ (H&S) ที่ใหญ่กว่าเดิมและอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมลู่ขึ้นที่กว้างขึ้น (Rising Wedge) โดยมีแนวรับเป็นเส้น neckline จากรูปแบบหัวไหล่เล็กก่อนหน้านี้

ในเมื่อผมชี้ให้เห็นถึงข้อมูลและเหตุผลว่าทำไมถึงวิเคราะห์ว่ากราฟอยู่ในเทรนด์ลงแล้วผมก็อยากจะถามนักลงทุนที่ศรัทธาในขาขึ้นครั้งนี้ว่า “พวกคุณเชื่อกันจริงๆ หรือว่าขาขึ้นครั้งนี้จะเป็นขาขึ้นในระยะยาว?” “ขาขึ้นที่ตะเกียดตะกายแบบนี้จะเป็นการฟื้นตัวแบบ V-shape ได้จริงๆ หรือ?” “คุ้มแล้วจริงๆ ใช่ไหมที่จะเชื่อว่าแพคเกจกระตุ้นที่ (อาจจะเกิดขึ้น) ของทรัมป์จะช่วยจัดการปัญหาเศรษฐกิจระยะยาวและอุ้มไม่ให้ล้มได้? QE จะยื้อการล้มลงของตลาดหุ้นไว้ได้อีกนานเท่าไหร่?” นี่ขนาดว่าผมยังไม่ได้พูดถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ- จีนเลยด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าตอนนี้นักลงทุนในตลาดยังไม่ได้เตรียมร่มเพื่อรอรับฝนที่กำลังจะตกลงมา พวกเขาเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาที่พวกเขาอยู่ยังเป็นวันดีๆ ที่มีอากาศสดใสและยังมีที่ให้ตลาดหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกมากมายเมื่อเทียบอัตราความเสี่ยงระหว่างสภาพคล่องกับราคาในตลาดหุ้น

กราฟราคาพันธบัตรรัฐบาล (ซึ่งรวมไปถึงแบบอายุ 10 ปี) ปรับตัวลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่แล้วซึ่งแสดงว่าคนยังมีความต้องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลฯ แม้ว่าตลาดหุ้นจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น 

อย่างไรก็ตามตอนนี้กราฟพันธบัตรฯ อายุ 10 ปีกำลังอยู่ใกล้แนวรับของกรอบขาขึ้นและราคาอาจดีดขึ้นมาจากแนวรับดังกล่าวได้

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันและสามารถทะลุกรอบสามเหลี่ยมสมมาตรได้เป็นที่เรียบร้อย

ขาลงล่าสุดของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เกิดขึ้นเป็นรูปแบบต่อเนื่องจากขาลงก่อนหน้า 4.5% ภายในระยะเวลา 6 วันที่อยู่ในกรอบสามเหลี่ยมสมมาตร แม้ว่าตอนนี้การทะลุลงมาจะเกือบสมบูรณ์ 100% แล้วแต่การที่แท่งเทียนสร้างรูปแบบหัวค้อน (Hammer) เหนือจุดต่ำสุดของวันที่ 27 มีนาคมได้และยังถือว่าไม่หลุดห่างออกจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA นักทำให้ความหวังว่าวันนี้จะเกิดสัญญาณกลับตัวยังมี

การที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลงคือการเปิดทางให้ทองคำได้โอกาสขึ้น

ราคาทองคำสามารถหลุดออกมาจากกรอบสามเหลี่ยมขาลงได้แล้วและแท่งเทียนล่าสุดก็คือสัญญาณยืนยันว่าขาขึ้นกำลังจะกลับมา อย่างไรก็ตามทองคำยังต้องพิสูจนส์ตัวเองที่แนวต้าน $1,760

บิทคอยน์เองก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน