► กำไรสุทธิ 1Q63 ที่ 301 ล้านบาท (-5%YoY และ -70%QoQ) ถูกกดดันจาก SG&A/Sales ที่ปรับตัวสูงขึ้น
► เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอด Presales ในเดือน เม.ย.-พ.ค.
► บริษัทมีการชะลอการลงทุนในโครงการที่ไม่มีความจำเป็น
► ประเด็นหุ้นกู้และ B/E คลี่คลาย หลังบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
► แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 2.40 บาท คาดอัตราเงินปันผล 0.13 บาท (Div.Yld. 6.4%)
เริ่มเห็นสัญญาณยอด Presales ฟื้นตัว
บริษัทมียอด Presales ใน 1Q63 ที่ 1,982 ล้านบาท ลดลง 29%YoY และ 34%QoQ โดย หลักมาจากส่วนของคอนโดมิเนียมที่มียอด Presales ติดลบ 85 ล้านบาท หลังมีการยกเลิกการจองถึง 777 ล้านบาท (28 ชิดลม และ Centric รัชโยธิน) ประกอบกับการแพร่ระบาด ของ COVID-19 ในช่วงเดือน มี.ค. อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอด Presales อย่างมีนัยยะในช่วง เม.ย.-พ.ค. โดยเฉพาะในเดือน พ.ค. 2563 เพียง 3 อาทิตย์ แรก สามารถทำยอด Presales ได้ราว 2,000 ล้านบาท นับว่าเป็นยอดสูง แม้เทียบกับสถานการณ์ปกติ โดยส่วนใหญ่ยังมาจากโครงการแนวราบที่มีมูลค่า 5 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ เราคาดว่ายอด Presales จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q63 หนุน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย รวมทั้งแผนการเปิด 11 โครงการในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนยอด Presales ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าที่บริษัทตั้งไว้
สภาพคล่องยังอยู่ในระดับที่ดี
หลังจากช่วง 1Q63 นักลงทุนมีความกังวลต่อสภาพคล่องของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังตลาดตราสารหนี้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับทางบริษัท พบว่าบริษัทจะมีหุ้นกู้และ B/E ครบกำหนดราว 5,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีเงินสด และได้ขอวงเงินจากธนาคาร ประกอบกับกระแสเงินสดจากการระบายสต๊อกโครงการในทุกไตรมาส ซึ่งเพียงพอต่อการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในปี 2563 แม้จะไม่สามารถ Rollover ได้นอกจากนี้บริษัทยังมีการชะลอการลงทุนในส่วนที่คิดว่ายังไม่จำเป็น อาทิ การลดจำนวนโรงแรมที่จะก่อสร้างลงจาก 5 โรงแรมเหลือ 3 โรงแรม (ราชวัตร รัชดา และ พัทยา) โดยเน้นพื้นที่ที่ยังมีกำลังซื้อ และเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย ทำให้เรามองประเด็นสภาพคล่องคลี่คลายลง
กำไรสุทธิ 1Q63 ที่ 301 ล้านบาท (-5%YoY และ -70%QoQ)
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q63 ที่ 301 ล้านบาท (-5%YoY และ -70%QoQ) สอดคล้องกับที่เราประมาณการไว้ก่อนหน้า สำหรับ 1Q63 บริษัทมีรายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 4%YoY เป็น 3,292 ล้านบาท โดยหลัก 60% ยังมาจากการโอนโครงการแนวราบ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 21.6% เทียบกับ 1Q62 ที่ 20.6% เป็นปัจจัยกดดันให้กำไรสุทธิปรับตัวลง โดยในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นของการโอนอสังหาริมทรัพย์ ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 32% โดย ณ สิ้น 1Q63 บริษัทมี Backlog ทั้งสิ้น 6,270 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปี 2563 ราว 3,800 ล้านบาท
แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 2.40 บาท
เรายังแนะนำ “ซื้อ” แม้ในช่วง 1Q63 บริษัทจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ประกอบกับเศรษฐกิจที่ไม่สดใส สะท้อนจากยอด Presales ใน 1Q63 แต่เราประเมินว่าจะเห็นการฟื้นตัว ในช่วงที่เหลือของปี หลังเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอด Presales ในเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ดีขึ้น ทำให้เราเชื่อว่ากำไรสุทธิปี 2563 ที่เราคาดไว้ที่ 1,332 ล้านบาท ยังมี ความเป็นไปได้ เราแนะนำ“ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท อิง PER 7.6 เท่า และคาดอัตราเงินปันผลที่ 0.13 บาทต่อหุ้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
ดูกราฟและอัพเดทราคาหุ้น เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(BK:SC)
ไม่อยากพลาดบทความดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ