• คาดกำไรสุทธิ1Q20 ที่520 ล้านบาท (+6%YoY, +17%QoQ)จากผลกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว
• แต่ผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยใน 2Q20 และ FY2020 จากการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวขนาด 114MWe ที่เพิ่มเข้ามา (Nam San3A และ3B)
• เราเลือก BCPG เป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในช่วง 20-25E ซึ่งหนุนจากโครงการโรงไฟ้าต่างๆที่อยู่ในแผนงานจำนวน 391MWe (เติบโต 86% จากระดับปัจจุบัน) รวมถึง แผนการขยายด้วยความพร้อมด้านการลงทุนถึง 45หมื่นล้านบาทที่จะรองรับการเติบโตระยะยาวของบริษัท
คาดรายงานกำไรสุทธิ1Q20 ที่ 520 ล้านบาท(+6%YoY, +17%Q0Q)
• เราคาดบริษัทจะรายงานผลประกอบการใน 1Q20 ที่ 520 ล้านบาท (+6YoY, +17%QoQ) จากกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (114MWe) ด้วยผลกระทบของภาวะความแห้งแล้ง
• การเติบโต QoQ จะได้แรงหนุนจากปัจจัย 1) ดัชนีความพร้อม (Availability Factor) ที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซีย (โดยขึ้นสู่ 98% จากที่ 90% ใน 4Q19) จากการปิดซ่อมบำรุงที่ลดลง 2) การดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์และ 3) กำไร จากค่าเงินที่ 80ล้านบาท จากอ่อนค่าของค่าเงินบาท
• รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A (69MW) และ 3B (45MW) ที่รับรู้เข้ามาในช่วง 4Q19-1Q20 และจะรับรู้ได้เพิ่มขึ้นในเดือน พฤษภาคม จากการเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม ดังนั้นจึงเห็นแนวโน้มของผลประกอบการที่สดใสใน 2Q20E และ FY2020E
กำไรปี 2020E ที่แข็งแกร่ง หนุนโดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว 114MWe
• บริษัทขยายพอร์ตการลุงทุนเพิ่มจำนวน 126MW (ประกอบด้วยพลังงานลม 9MW, แสงอาทิตย์ 2MW solar และ พลังน้ำ 114MW) ในช่วง 2019-20 ประกอบกับแผนการขยายโครงการเพิ่มเติมอีกจำนวน 391MW ทั้งนี้กำลังการผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นสู่ 842MW ใน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 86% จากระดับปัจจุบัน
• เราคาดว่าการรับรู้กำไรไตรมาสเต็มจากโครงการ Nam San 3A (69MW) และ 3B (45MW) จะเริ่มรับรู้ได้เพิ่มขึ้นใน 2Q20 จากฤดูมรสุม ในลาวที่จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม
• โดยเราเลือก BCPG (BK:BCPG)เป็นหุ้นโดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทในช่วง 20-24E ซึ่ง หนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในแผนการจำนวน 391MWe อีกทั้งยังความพร้อมในการขยายการลงทุนด้วยงบราว 4.5หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทระยะยาวได้
ธุรกิจหลักของบริษัทคือการผลิตพลังงานจากพลังงานทดแทนรวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ลมพลังน้ำและความร้อนใต้พิภพ บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,158MW ในประเทศไทย โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับกฟภ. และ กฟผ. ซึ่งรายได้89% ของบริษัท นั้นมาจากการขายไฟฟ้าในประเทศ
และบริษัทย่อยของบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 5 แห่งในญี่ปุ่น มีกำลังการ ผลิตรวม 14.4MW ซึ่งคิดเป็น 6% ของรายได้รวม อีกทั้งบริษัทได้ขยายการดำเนินงานไปยังประเทศลาว โดยใน 2019 มีการ รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 69MW ซึ่งรายได้ส่วนนี้คิดเป็น 4% ของรายได้รวม
บริษัทยังได้ร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานลม 36MW ในฟิลิปปินส์(สัดส่วน การถือหุ้น 40%) และ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียขนาด 955MW (สัดส่วนการถือหุ้น 17-20%) โดยในปี2019 บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าคิดเป็นสัดส่วนที่ 20% ของกำไรรวมของบริษัท
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th