คาด SET INDEX วันนี้ 23 เม.ย. ปรับตัวขึ้นกรอบ 1255-1270
เชื่อว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มน้้ามัน หลังจากราคาน้้ามันดิบ BRENT (NYSE:BNO) ปรับตัวขึ้น 5.4% เนื่องจากโดนัล ทรัมป์ได้ออก มาทวิตเตอร์ขู่โจมตีเรือปืนของอิหร่านหากอิหร่านก่อให้เกิดอันตรายต่อเรือสหรัฐ ซึ่งเรือของสหรัฐได้ฝึกท้าการซ้อมรบอยู่ ขณะเดียวกันเรือจากอิหร่านจำนวน 11 ลำได้ขับเข้ามาใกล้เรือสหรัฐด้วยความเร็วสูงประกอบกับทางกลุ่ม OPEC+ ออกมาให้ข้อมูลว่า พร้อมจะใช้มาตรการพิเศษเพื่อดูแลภาวะอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตามให้น้ำหนัก เป็นเพียงการปรับตัวช่วงสั้นก่อน เนื่องจากปัญหาหลักคือฝั่งอุปสงค์ที่ยังไม่มีสัญญาณ การฟื้นตัวที่เด่นชัด แต่มุมมองระยะกลางเรามองว่าด้วยราคาน้้ามัน BRT ที่ยืนอยู่ ระดับ 20.8 เหรียญ / บาร์เรล จะท้าให้ผู้ประผลิตหลายประเทศอยู่ในจุดขาดทุนมีเพียงแค่ รัสเซีย อิรัก อิหร่าน ซาอุ ที่ยังพอมีกำไร ดังนั้นหาก Supply หายไปจากการล้มเลิกธุรกิจจะหนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวขึ้นเพิ่มได้ การปรับตัวลงมาของกลุ่ม น้ำมันจึงมองเป็นโอกาสแต่จังหวะเข้าควรพิจารณาให้ดี ((BK:PTTEP) TP @ 97 B t)
ส่วนผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (ยกเว้น TCAP TMB) มีก้าไรสุทธิรวมกันที่ 3.25 หมื่นล้านบาท (-15%YoY -2%QoQ) ใกล้เคียง Bloomberg คาด ส่วนตัวที่ ออกมาดีกว่า Bloomberg คาดได้แก่ (BK:BBL) KKP SCB ต่ำกว่าคาดได้แก่ KBANK (BK:KBANK) TISCO ใกล้เคียงคาดได้แก่ KTB อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าร่วมประชุมผู้บริหารกับนักวิเคราะห์ (KBANK SCB) มุมมองข้างหน้าของผู้บริหารยังคงมีความกังวลต่อการตั้งส้ารองที่อาจ สูงขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งสุดท้ายจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการใน อนาคต ดังนั้นสำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจึงมองเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์คือเครื่องมือที่สะท้อนเศรษฐกิจไทยจากนี้ได้ดี ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่อาจได้เห็น กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีกซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำและผลกระทบจากเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด อาทิ โรงไฟฟ้า ( BCPG BGRIM GPSC EGCO RATCH) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) มองเป็นกลุ่ม ที่น่าสนใจ
Stock Pick
HANA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยค้าแนะน้า “ซื้อ” มอง บริษัทมีความน่าสนใจในเชิง Valuation จากราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 21% YTD ส่งผลให้ปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 4.4x EV / EBITDA นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า โดยประเมินว่าทุกๆการอ่อนค่า 1% ของเงินบาท / ดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิของบริษัทราว 2.9% ในสถานการณ์ปกติ ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 20 ที่ 1.2 พันล้านบาท ( -35 %YoY) อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 21 ทั้งปีกำไรสุทธิจะฟื้นตัวสู่ระดับ 1.9 พันล้านบาท
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 97 บาท) เน้นเป็นลักษณะของการ Trading ตามปัจจัย บวกราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 1Q20 อาจจะยังไม่สดใสมากเราประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 6.8 พันล้านบาท ( -46 %YoY -42 %QoQ) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 60% ในช่วง 1Q20 อย่างไรก็ดีหากสถานการณ์ COVID -19 คลี่คลายไวและอุปสงค์น้ำมันกลับมาจะเป็น Upside ในอนาคตได้
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th