Wholesale IT Distributor เบอร์1 ของประเทศไทย ที่ราคา Book Value
ราคาหุ้น SYNEX ปรับลดลง44% YTD ตามภาวะตลาดที่ปรับฐานลงเพราะภาวะ COVID-19 อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากช่วง 2H62 ที่บริษัทฯเริ่มเจอผลกระทบของการแบน Huawei ของ สหรัฐฯ (ยอดขาย Huawei ราว 20%) ราคาหุ้นปรับลดลงถึง 63% ในช่วงเวลาเพียง 9 เดือน ทำให้ปัจจุบัน SYNEX มี Market Cap ที่เพียง 3.5 พันล้านบาท คิดเป็น P/BV ที่ 1.2x และ PER อิง กำไรปี 2562 ที่เพียง 7x บนยอดขายต่อปี เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท
ตัวแทนการเติบโตของ Huawei … เด่นที่การกระจายสินค้าและ Dealer
SYNEX เป็นตัวแทนโอกาสเติบโตของ Huawei ในประเทศไทย จากยอดขายของ SYNEX อย่างน้อย 20% มาจากสินค้า Huawei ในระยะสั้นแม้การกีดกันการค้าของสหรัฐฯกับจีนจะกดดันต่อ การเติบโตของ Huawei เพราะเปิดความเสี่ยงที่มือถือรุ่นหลังๆอาจไม่สามารถใช้งาน Google (NASDAQ:GOOGL) Service แต่ในระยะยาว Huawei มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างระบบ Software ขึ้นทดแทนและยังมีโอกาสเติบโตในตลาด IoT และตลาดมือถือได้อีกมาก นอกจากนี้ SYNEX ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าIT กว่า 60 Brands ทั่วโลก และกระจายตัวไป ทุกกลุ่มสินค้า ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่เด่น (ตารางที่ 1-2) การมี Dealer ในทุกระดับ และกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า 6 พันราย ช่วยลดผลกระทบการปิดห้าง จาก Key Accounts อย่าง COM7, JIB ที่อยู่ในห้าง คิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของยอดขายทั้งหมด
คาด 1H63 เจอปัญหาพอสมควร แต่มีลุ้นฟื้นตัวใน 2H63
การ Supply สินค้าส่วนใหญ่ของ SYNEX มาจากตลาดจีน การปิดประเทศของจีนในช่วง 1Q63 เพราะ COVID-19 ทำให้เกิดปัญหา Supply Shortage ในบางกลุ่มสินค้า เช่น Notebook และ สินค้ากลุ่ม Apple (NASDAQ:AAPL) อย่างไรก็ดีการกลับมาผลิตอีกครั้งของจีนทำให้ ปัญหาด้าน Supply Shortage เริ่มลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.63ในด้านกำลังซื้อสินค้า IT บางกลุ่มมีความ ต้องการซื้อที่สูงขึ้นในช่วงโรคระบาด เช่น Notebook อุปกรณ์ Conference call อุปกรณ์ ตรวจจับความร้อน ขณะที่ความต้องการด้าน IT โดยรวมเชื่อว่าจะเร่งตัวขึ้นแรงหลังเหตุการณ์ โรคระบาด จากทั งภาครัฐและเอกชนกลับมาให้ความสำคัญกับการลงทุนอุปกรณ์IT อีกครั้ง และการเข้ามาของยุค 5G จะยิ่งเร่งการเติบโตของตลาด IoT ซึ่ง SYNEX เป็นเจ้าตลาดอยู่
คาดเบื้องต้นกำไรปี 2563 หดตัว 15% YoY … ราคาหุ้นลงแรงเกินไป
การกระตัวตัวของสินค้าและช่องทางจัดจำหน่ายที่โดดเด่น ทำให้เราคาด SYNEX จะได้รับ ผลกระทบต่อยอดขายปี 2563 จ ากัดที่ -10% YoY ขณะที่ Margin มีโอกาสดีขึ้น หลังผู้บริโภค ยินดีที่จะซื้อสินค้า IT ในราคาที่สูงกว่าปกติในช่วงภาวะโรคระบาด สุทธิแล้วเราคาดกำไรปกติ ของ SYNEX ที่ราว 400-500 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ราว 0.48-0.53 บาทต่อหุ้น อิง สมมติฐานสำคัญ ยอดขายยืนระดับ 3 หมื่นล้านบาท (ตารางที่3) อิงกรอบกำไรดังกล่าว ราคาหุ้น SYNEX ปัจจุบัน คิดเป็น PER ที่ระดับ 7-8x ต่ำกว่าช่วงปกติที่ หุ้ นจะซื ้อขาย ราว 12-14x ขณะที่ Net debt to equity ที่ 1.6x ณ สิ้นปี 2562 ไม่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทฯมีหนี ้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ทางการค้า ที่มี Bank facility รองรับเพิ่มเติมได้อีก และมีความช่วยเหลือด้านเทอมการจ่ายเงินกับ Suppliers หากสถานการณ์การระบาดลากยาว
ยังไม่มีคำแนะนำ แต่ให้เป็นอีกหุ้นแถวสองที่ต้องจับตาในกลุ่ม ICT
เรายังไม่มีราคาเหมาะสมอย่างเป็ นทางการสำหรับ SYNEX อย่างไรก็ดีเราประเมินว่า SYNEX เป็ นอีกหนึ่งหุ้นแถวสองที่ต้องจับตา หากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลายตัว จากระยะสั้น เป็นตัวแทนที่ดีของกำลังซื้อสินค้า IT ไทย ที่มีโอกาสฟื้นตัวแรง ขณะที่ระยะกลางถึงยาวเป็น ตัวแทนของการเติบโตของ Huawei และสินค้า IoT ในประเทศไทย เชิงกลยุทธ์ ผลประกอบการ 1H63 มีโอกาสหดตัว YoY จากฐานที่สูงในปี ก่อน ผลกระทบการปิ ดประเทศจีนและการปิดห้าง ในไทย อย่างไรก็ดีเราคาด 2H63 มีโอกาสฟื้นตัวแรงจากฐานต่ำ ดังนั้นนักลงทุนอาจอาศัย ช่วงเวลา 2Q63 เป็นจังหวะในการสะสม โดยอาจใช้กรอบระหว่าง 5.7-6.3 บาทต่อหุ้น เป็ น กรอบในการเก็งกำไร (อิงกำไรของเราที่ 400-500 บาทต่อหุ้น และอิง PER ในช่วงปกติที่ 12x)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities