ราคาน้ำมันบวกรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันผันผวนมาก โดย WTI (NYSE:WTI) แตะจุดสูงสุดที่ US$27.5/bbl หรือ +36% ก่อนจะปิดที่ US$25.3/bbl +25% นับเป็นการปรับขึ้นรายวันสูงสุดในประวัติศาสตร์ ประเด็นสำคัญดังนี้

ความร่วมมือของผู้ผลิตน้ำมัน – เมื่อคืนนี้คุณทรัมป์ออกมาระบุว่าซาอุฯ และรัสเซียสามารถบรรลุความร่วมมือลดการผลิตลง 10-15 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ขณะที่ ซาอุฯ ระบุว่าจะร่วมลดการผลิตลงให้ต่ำกว่า 9 ล้านบาร์เรล/วัน หากผู้ผลิตรายอื่นร่วมมือด้วย ทั้งนี้ เรายังไม่มีรายละเอียดของเงื่อนไขดังกล่าว

แนวทางช่วยเหลือบริษัทพลังงาน – หลังจากบริษัทพลังงานของสหรัฐฯ เริ่มมีปัญหาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ล่าสุดบางบริษัทถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง และบางบริษัทเริ่มเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ API ระบุว่าคุณทรัมป์เตรียมจัดประชุมร่วมกับบริษัทพลังงานเอกชนหลายแห่งในวันที่ 3 เม.ย.นี้ เพื่อหามาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรม

จีนเตรียมซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรอง – จีน (ผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ใช้น้ำมันอันดับ 2 ของโลก) มีแผนเข้าซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรอง หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงราว 60% YTD โดยมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณน้ำมันคงคลังรองรับการนำเข้าระดับ 90 วัน และอาจขยายไปถึง 180 วันเมื่อรวมกับคลังน้ำมันเชิงพาณิชย์

Our Take

• เรามองว่าความร่วมมือของผู้ผลิตน้ำมันทั้งซาอุฯ, รัสเซีย, และสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากท่าทีของรัสเซียยังปฏิเสธ และระบุว่าไม่ได้เจรจากับซาอุฯ รวมทั้ง ยังต้องติดตามรายละเอียดเงื่อนไขของซาอุฯ ถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือลดการผลิตด้วย
• สำหรับแนวทางช่วยเหลืออุตสาหกรรมพลังงานของคุณทรัมป์ ยังเป็นอีกปัจจัยต้องติดตามภายหลังการประชุมว่าจะเป็นรูปแบบใด และมีผลต่อตลาดน้ำมันเพียงใด อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวดังกล่าวถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าระดับราคาน้ำมัน ณ ปัจจุบันผู้ผลิตในสหรัฐฯ หลายรายเริ่มประสบปัญหาการดำเนินงานแล้ว
• ส่วนการเข้าซื้อน้ำมันของประเทศจีน อ้างอิงยอดนำเข้าน้ำมันราว 10 ล้านบาร์เรล/วัน เป้าหมายปริมาณน้ำมันคงคลังที่สามารถสำรองการนำเข้าได้ 90 วัน Implied ว่าจีนต้องมีปริมาณน้ำมันสำรองราว 900 ล้านบาร์เรล ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลปริมาณน้ำมันคงคลัง ณ ปัจจุบัน แต่ตลาดคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถกักเก็บน้ำมันได้อีก 80-100 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือว่าสูงกว่าแนวคิดซื้อน้ำมันดิบเข้าคลังสำรองยุทธศาสตร์ (SPR) ของคุณทรัมป์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน (เก็บน้ำมันได้อีก 77 ล้านบาร์เรล) อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคาดการณ์ปริมาณน้ำมันใน 2Q63 ของโลกที่จะล้นตลาดราว 15-20 ล้านบาร์เรล/วัน การเข้าซื้อดังกล่าวอาจช่วยดูดซับอุปทานได้เพียง 5-7 วัน
• โดยรวมเรามองประเด็นข่าวดังกล่าวจะช่วยจำกัด Downside ราคาน้ำมันในระยะกลาง-ยาวสอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้า ทั้งนี้ ในระยะสั้น เรามองว่าปัจจัยบวกข้างต้นยังมีความไม่แน่นอนสูง และยังไม่สามารถชดเชยแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนแอได้ แม้กระทั่งผู้ผลิตสามารถร่วมมือลดการผลิตลง 10 ล้านบาร์เรล/วัน Upside ของราคาน้ำมันในระยะสั้นก็ยังจำกัดที่ US$30-40/bbl (ก่อนเกิดสงครามราคาน้ำมัน และไวรัสโควิด-19 ยังไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน WTI อยู่ที่ US$46/bbl)
• เราคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 2563 เฉลี่ย US$40/bbl โดย Sensitivity ราคาน้ำมันทุก US$1/bbl จะมีผลต่อกำไรของ PTTEP 900 ล้านบาท ราคาเหมาะสม 2.3 บาท/หุ้น
• ราคาหุ้น PTTEP (BK:PTTEP) ปรับตัวขึ้น +37% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Outperform ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ -2% ถือว่าสะท้อนประเด็นบวกจากราคาน้ำมันไปบ้างแล้ว ราคาปัจจุบันเต็มมูลค่าเหมาะสมของเราที่ 70.00 บาท เชิงกลยุทธ์แม้วันนี้หุ้นมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่ทางพื้นฐานยังคงคำแนะนำเพียง TRADING ด้วยกลยุทธ์รอซื้ออ่อนตัว