ทำไมหุ้นของเน็ตฟลิกซ์จึงโดดเด่นท่ามกลางความวุ่นวายในตลาดลงทุน

ทุกครั้งที่ตลาดลงทุนมีการปรับฐานเรามักจะได้เห็นลงทุนที่รอคอยโอกาสมักกระโดดเข้าหาหุ้นบริษัทที่มีมูลค่าสูงและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวได้ดี แม้ว่าในตอนนี้ตลาดจะถูกความวิตกกังวลของไวรัสโคโรนาเข้าปกคลุมแต่ความเชื่อนี้ของนักลงทุนไม่เคยเปลี่ยนไป พวกเขายังคงรอคอยโอกาสที่ดีเพื่อเข้าซื้อหุ้นในฝันของพวกเขา

เบนจามิน เกรย์แฮม นักลงทุนชื่อดังคนหนึ่งแห่งยุคศตรววษที่ 20 กล่าวเอาไว้ว่า “ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อหมอกร้ายมาถึงมันจะจางหายไปเมื่อไหร่ แต่นักลงทุนควรทำใจเอาไว้ว่าตลาดหุ้นในปีนี้อาจปรับตัวลดลงประมาณ 33% หรือมากกว่านั้นในทุกๆ 5 ปี”

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นักลงทุนได้ขนานนามวันนั้นว่า “จันทร์ทมิฬ (Black Monday)” เมื่อดัชนีหลักๆ ของสหรัฐฯ อย่างดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี S&P 500 และดัชนีแนสแด็กมีราคาปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลของกราฟตัวละประมาณ 19% เพราะโดนตัวเลขยอดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้ามากระทบตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

หากคุณเป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่ชอบหาหุ้นลงทุนด้วยตัวเองและยังไม่ได้เข้าสู่สมรภูมิรบในขณะนี้แต่ยังคงมองหาจังหวะดีๆ ในการเข้าสนามรบอยู่ เราอยากจะแนะนำหุ้นของบริษัทผู้ให้บริการรับชมภาพยนตร์สตรีมมิ่งระดับโลกอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) เข้าไว้ให้คุณเป็นตัวเลือกพิจารณา

กราฟรายสัปดาห์ของหุ้นเน็ตฟลิกซ์

ท่ามกลางพายุทอร์นาโดโควิด-19 ที่กำลังพัดเข้าสู่แผ่นดินสหรัฐฯ และทำให้ตลาดหุ้นต้องเกิดปรากฏการณ์จันทร์ทมิฬอย่างที่ได้กล่าวไป เราพบว่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์กลับสามารถยืนหยัดได้ดีท่ามกลางพายุลูกนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ว่าทำไมหุ้นเน็ตฟลิกซ์กลับดูไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆ ที่ปีที่แล้วหุ้นเน็ตฟลิกซ์ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกันเพื่อนๆ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีด้วยกันเอง

ถ้าเทียบเฉพาะผลงานในเดือนที่แล้ว เน็ตฟลิกซ์ถือว่าทำผลงานได้ดีกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANG)” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) ที่ปกติแล้วเป็นหน้าเป็นตาให้กับหุ้นกลุ่มนี้ด้วยฐานะการเป็นผู้ผลิตในตลาดรายใหญ่ที่สุดและสามารถพาดัชนี S&P 500 ขึ้นไปถึง 3,3923.63 ได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ตอนนี้คลังสินค้าและฐานการผลิตของทั้งคู่ที่อยู่ในประเทศจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

ราคาปิดของหุ้นเน็ตฟลิกซ์เมื่อวานก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะปิดพบว่าหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมาเพียง 6% ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ในขณะที่ดัชนี S&P 500 กลับร่วงลงมากถึง 17% และก่อนที่ตลาดจะปิดหุ้นเน็ตฟลิกซ์สามารถวิ่งกลับขึ้นมาได้มากกว่า 5% มีราคาปิดอยู่ที่ $364.13

การเคลียร์หนังที่ดองเอาไว้ในเน็ตฟลิกซ์คือตัวเลือกที่ดีเมื่อต้องถูกบังคับให้อยู่กับบ้าน

เมื่อไวรัสโคโรนาบังคับให้ผู้คนไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากเดินทาง ไมอยากท่องเที่ยว จึงทำให้การบริการของเน็ตฟลิกซ์เป็นอะไรที่ตอบโจทย์การถูกบังคับให้อยู่บ้านเป็นอย่างมาก ผู้ที่เป็นสมาชิกของบริการเน็ตฟลิกซ์สามารถใช้เวลาที่ถูกบังคับนี้ไปกับการดูหนังร่วมกับคนที่รักหรือคนในครอบครัว นี่คือสาเหตุว่าทำไมเน็ตฟลิกซ์ถึงยังสามารถทำผลงานได้ดีทั้งๆ ที่เรามองออกไปทางไหนก็มีแต่หุ้นดิ่งลง

ถึงกระนั้นก็มีนักวิเคราะห์บางคนไม่ได้เห็นด้วยกับเหตุผลนี้ ลอร์ร่า มาร์ตินนักวิเคราะห์จากบริษัทจัดการสินทรัพย์และการลงทุนในธนาคารอิสระ Needham กล่าวว่า “ใครๆ ก็ทราบดีว่าเน็ตฟลิกซ์เก็บค่าบริการเป็นรายเดือน แล้วในสภาวะที่ไวรัสโคโรนาทำให้คนไม่สามารถไปทำงานได้หรือบางคนถึงขั้นต้องตกงานและถ้าจำเป็นจะต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เน็ตฟลิกซ์ก็ถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่คนจะเลือกหยุดจ่ายค่าบริการรายเดือน”

เธอยังกล่าวอีกว่า “แทนที่จะคิดถึงเหตุผลในระยะสั้นว่าทำไมถึงต้องซื้อหุ้นเน็ตฟลิกซ์ จะดีกว่าไหมถ้าหากเอาเวลานั้นไปประเมินความเป็นไปได้ระยะยาวอื่นๆ เพื่อซื้อหุ้นเน็ตฟลิกซ์หรือไม่ก็หุ้นตัวอื่นที่จะสามารถให้ผลตอบแทนระยะยาวได้ดีกว่าเพื่อให้นักลงทุนสามารถเอาตัวรอดไปได้จากการหดตัวของเศรษฐกิจระยะยาว”

นอกจากเน็ตฟลิกซ์แล้วในตอนนี้ยังมีผู้ที่ต้องการลงมาท้าชิงตำแหน่งราชาเจ้าแห่งวงการสตรีมมิ่งจากเน็ตฟลิกซ์เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็น ดิสนีย์ (NYSE:DIS) และแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ที่เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาภายใต้ชื่อ “Disney+” และ “Apple (NASDAQ:AAPL) TV+” นอกจากนี้ยังมี AT&T (NYSE:T) WarnerMedia ที่มีแผนจะเปิดให้บริการ “HBO Max” ในเดือนพฤษภาคมนี้และ Comcast's (NASDAQ:CMCSA) NBCUniversal ที่จะเปิดบริการ Peacock ในวันที่ 15 มิถุนายนปี 2020

ถึงแม้ว่าตัวเลขอัตราการเติบโตของจำนวนยอดผู้สมัครสมาชิกในอเมริกาจะไปไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาสที่ 4 ที่พึ่งรายงานไปเมื่อเดือนมกราคม แต่ยอดจำนวนผู้สมัครสมาชิกจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกกลับยังสามารถช่วยตัวเลขรายงานผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์ให้ออกมาไม่น่าเกลียดมากนัก ปีที่แล้วเน็ตฟลิกซ์มียอดจำนวนผู้สมัครสมาชิกในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8.3 ล้านคน มากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ 7 ล้านคน รวมแล้วทั้งสิ้นเน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกทั้งโลกรวมสหรัฐฯ แล้ว 167 ล้านคน

นักวิเคราะห์บางคนเห็นข้อดีที่ซ่อนอยู่ใต้ข่าวร้ายจากตัวเลขผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์ “ชัดเจนเลยว่าในตอนนี้ Disney+ ยังไม่สามารถนับตัวเองได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเน็ตฟลิกซ์” แนท ชไนเดอร์ นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่า “ตัวเลขยอดผู้สมัครสมาชิกของ Disney+ ยังห่างไกลกับเน็ตฟลิกซ์อยู่หลายขุม”

โดยสรุปแล้ว…

ท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรนาที่เข้ามารุมเร้าเศรษฐกิจและตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวต่างได้รับผลกระทบและเป็นไปได้ที่จะเจอการหดตัวของตัวเลขผลกำไร แต่ในสถานการณ์ที่เน็ตฟลิกซ์ซึ่งไม่ต้องพึ่งฐานการผลิตที่อยู่ในต่างแดนทำให้เน็ตฟลิกซ์กุมความได้เปรียบเหนือหุ้นตัวอื่นๆ ด้วยยอดจำนวนผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกมากถึง 167 ล้านคน