ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์รายวัน: 28 กุมภาพันธ์ 2020
โดยคุณเคธี่ เหลียน กรรมการผู้จัดการวางกลยุทธ์การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ของบริษัทจัดการสินทรัพย์บีเค
ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เข้าสู่โหมดการพักตัวระยะยาวอย่างเต็มตัวหลังจากที่ตลาดหุ้นร่วงลง 6 วันติดต่อกันนำทัพโดยดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงวันละ 1,000 จุดโดยประมาณ นับตั้งแต่ที่ดัชนีดาวโจนส์ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในวันที่ 12 กุมภาพันธ์หลังจากนั้นเราก็เห็นการร่วงลงอย่างต่อเนื่องและมหาศาลเช่นเดียวกันกับดัชนี S&P 500 และแนสแด็ก ล่าสุดเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ได้ร่วงลงมาเกือบ 1,200 จุดและถือเป็นการร่วงลง 3 วันติดต่อกันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ไวรัสโคโรนายังไม่ลุกลามมาถึงยุโรปนักลงทุนบางส่วนก็หันไปถือสกุลเงินที่มีสถานะเป็นเหมือนสินทรัพย์สำรองอยู่แล้วอย่างเช่น สกุลเงินเยน สวิสฟรังค์และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในขณะนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงในตอนนี้นั้นได้เปลี่ยนแล้วเมื่อนักลงทุนวิตกกังวลว่าโคโรนาจะขึ้นมาถึงแผ่นดินอเมริกาไม่ช้าก็เร็ว ยิ่งวิตกกังวลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรีบเทขายดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ดอลลาร์ตอนนี้มีมูลค่าอ่อนกว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ ที่ถูกจับไปเทียบยกเว้นแต่กราฟ USDCAD เท่านั้น
ทำไมดอลลาร์ถึงถูกเปลี่ยนสถานะจากสกุลเงินที่มีสถานะปลอดภัยกลายเป็นสกุลเงินที่มีความเสี่ยงได้? หรือเพราะว่าอเมริกาคือสถานที่ต่อไปที่โคโรนาจะเข้าไปเยือนแล้วจริงๆ? เป็นทราบกันดีว่าไวรัสโคโรนานั้นได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั้งในภูมิภาคเอเชียและยุโรป ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) ได้ออกมาเตือนประชาชนสหรัฐฯ แล้วและประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้ออกมาพูดถึงไวรัสโคโรนาแล้วเช่นกัน แม้ว่าเขาจะออกมาเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนแต่ดูเหมือนว่าความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้นักลงทุนสบายใจขึ้นเลย อ้างอิงข้อมูลจาก CDC เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์มีบุคคลผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะติดเชื้อได้รับการทดสอบยาฆ่าเชื้อไวรัสเพียง 445 คน ยังมีอีก 7,100 คนที่ได้รับการทดสอบในสหราชอาณาจักรและอีก 629 คนเฉพาะในรัฐออนแทริโอของแคนาดาเท่านั้น นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ราคาในตลาดได้สะท้อนความน่ากลัวของยอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาออกมา
การร่วงลงอย่างรวดเร็วของราคาในตลาดหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะทิ้งสินทรัพย์ที่เป็นของฝั่งสหรัฐฯ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปีร่วงลงไปยังจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.24% การร่วงลงของราคานี้ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งคาดหวังมาตรการโต้ตอบจากธนาคารกลางสหรัฐฯ พวกเขาคาดการณ์ไปแล้วว่าน่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 75 จุดเบสิสในปีนี้แต่จนถึงปัจจุบันนายเจอโรม พาวเวลล์ยังคงยืนยันคำเดิมและเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ในความเป็นจริงพาวเวลล์จะยังไม่ทำอะไรแต่เชื่อว่าอีกไม่นานถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่ประธานเฟดจะตัดสินใจทำตามความต้องการของนักลงทุน
5 เหตุผลว่าทำไมนักลงทุนตัดสินใจทิ้งเงินดอลลาร์
1. ความกลัวว่าในอนาคตอันใกล้สหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายไวรัสโคโรนาแห่งใหม่
2. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้
3. ตลาดเข้าสู่สถานภาพชะลอตัวอย่างเต็มรูปแบบและยังปรับตัวลดลงอีก 2% ในตลาดหุ้น
4. ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงไปอยู่ต่ำกว่า 1.3%
5. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 75 จุดเบสิสภายในปีนี้
สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากแรงขายในช่วงนี้คือแคนาดาดอลลาร์ ราคาน้ำมันร่วงลงเพราะสถานการณ์ไวรัสโคโรนาซึ่งตอนนี้ราคาน้ำมันดิบได้ร่วงทะลุจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีเป็นที่เรียบร้อยจากความกังวลของนักลงทุนที่กลัวว่าไวรัสโคโรนาจะยิ่งทำให้ผู้คนลดการเดินทางและลดความต้องการใช้งานน้ำมันดิบซึ่งอาจลงไปถึงวิกฤติทางการเงินในปี 2008 เลยก็เป็นได้ การที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การบิน หรือกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำมันลดลงจะทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบระดับโลดหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แม้ว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในสัปดาห์หน้าแต่เราเชื่อว่ายังไม่พอที่จะหยุดแนวโน้มขาลงในครั้งนี้ได้
การประชุมของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) สัปดาห์หน้าให้จับตาดูเพราะอาจมีเซอร์ไพรส์ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย เราเชื่อว่านักลงทุนจะไม่เชื่อคำแถลงการณ์ของ BoC ก่อนหน้านี้ที่จะสามารถชะลอและควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนาได้ซึ่งจะทำให้รายงานตัวเลข GDP ของไตรมาสที่ 4 ในวันนี้ลดลง อย่างไรก็ตามจากแหล่งข้อมูลที่ได้รับมาข้อมูลบ่งชี้ว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 4 จะลดลงนั้นมีน้อยดังนั้นขาขึ้นอย่างพึ่งหมดสิ้นกำลังใจไปก่อน
สกุลเงินที่ยังคงทำผลงานได้ดีคือยูโรที่ปรับตัวขึ้นอีก 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ กราฟ EUR/USD ได้รับข่าวดีจากตัวเลขความเชื่อมั่นในยูโรโซนที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และ GDP ในไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ ลดลง เรายอมรับว่าคาดการณ์ได้ยากว่าขาขึ้นของกราฟ EUR/USD ในตอนนี้จะสามารถขึ้นไปได้ถึงไหนในสถานการณ์ที่ไวรัสโคโรนายังคงคุกคามโลกอย่างต่อเนื่องซึ่งในยุโรปเองก็ได้รับผลกระทบแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวเลขเศรษฐกิจของอิตาลีและเยอรมันลงล่วงหน้าไปก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะระบาดในอิตาลีซะอีก ปี 2020 นี้คงไม่ใช่อีกปีที่ง่ายสำหรับยุโรปอีกครั้งเพราะที่ผ่านมาอิตาลีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรปอยู่แล้วและแม้แต่พี่ใหญ่อย่างเยอรมันยังหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจหดตัว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ให้นักลงทุนเตรียมใจไว้ได้เลยว่าอีกไม่นานกราฟ EUR/USD จะเจอแนวต้านที่แข็งแกร่งจนราคาไม่สามารถผ่านไปได้