ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์รายวัน: 25 กุมภาพันธ์ 2020
โดยคุณเคธี่ เหลียน กรรมการผู้จัดการวางกลยุทธ์การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ของบริษัทจัดการสินทรัพย์บีเค
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่อาจลามไปได้ทั่วโลกทำให้ตลาดหลักทรัพย์และสกุลเงินต่างพากันร่วงลงเมื่อวาน โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ออกมาตอกย้ำความวิตกกังวลของนักลงทุนด้วยการร่วงลง 1,000 จุดโดยประมาณในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการชะล้างขาขึ้นที่ทำมาตลอดทั้งปี 2020 หายหมดสิ้น เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ครั้งล่าสุดที่ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,000 จุดเบสิสในวันเดียวต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 เลยทีเดียว ส่วนตลาดสกุลเงินเมื่อวานนี้กราฟ USD/JPY รูดลงอย่างรวดเร็วและฉุดให้สกุลเงินใดก็ตามที่เปรียบเทียบอยู่กับสกุลเงินเยนต้องปรับตัวลงทั้งหมด กราฟ USD/JPY เปิดตลาดมาก็มีราคาเทรดอยู่ที่ 111 แล้วและมีโอกาสวิ่งเข้าใกล้ระดับราคา 110 ด้วย
ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงตลอดระยะเวลา 6 วันจาก 7 วันล่าสุด ยิ่งการเปิดตลาดเมื่อวานนี้มีความหมายมากเพราะช่องว่างระหว่างราคา (Gap) ในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้เป็นช่องว่างที่เกิดจากความกลัวของนักลงทุนจึงทำให้มีโอกาสเป็นแนวโน้มขาลงมากกว่าที่จะเป็นการย่อเพื่อขึ้นต่อ
ไม่มีนักลงทุนคนไหนกล้าเถียงเลยว่าสาเหตุที่แดงทั้งกระดานลงทุนเมื่อวานนี้เป็นเพราะไวรัสโคโรนา จำนวนของผู้ติดเชื้อนอกชายฝั่งประเทศจีนในตอนนี้เพิ่มสูงขึ้นภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งนำไปสู่การยกเลิกกิจกรรมหรืออีเวนท์ต่างๆ ในพื้นที่แถบยุโรปและตะวันออกกลาง ภาคการท่องเที่ยว โรงแรมและสารการบินในประเทศจีนตายสนิทและตอนนี้ยุโรปเองก็เรียกได้ว่าอยู่กึ่งๆ ระหว่างจะเข้าห้อง ICU ดีหรือไม่เพราะอิตาลีกำลังเริ่มวุ่นวายเพราะไวรัสโคโรนาแล้ว ที่เกาหลีใต้จำนวนของผู้ติดเชื้อกระโดดขึ้นเป็น 833 รายภายในระยะเวลาแค่ 2 วันเท่านั้น ประชาชนชาวเกาหลีใต้งดออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านในขณะที่ 14 ประเทศเริ่มมีมาตรการคุมเข้มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้แล้ว
หากลองมองในแง่ดีจะพบว่าตอนนี้นักลงทุนเริ่มอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้นและยอมรับแล้วว่าคงไม่มีทางที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวทันก่อนจบไตรมาสแรกของปี 2020 ตราบเท่าที่ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไปเราก็จะได้เห็นข่าวจากอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกมีเศรษฐกิจที่หดตัวลง
เพราะสาเหตุนี้จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนต้องการถอยออกจากตลาดลงทุนเพื่อตั้งหลักก่อน ความเสี่ยงที่หลายๆ ประเทศอุตสาหกรรมทั่วโลกอาจต้องอยู่กับไวรัสโคโรนาไปอีกอย่างน้อยช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงทำให้รัฐบาลของหลายๆ ประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างเช่นเกาหลีใต้กำลังถกเถียงกันเรื่องนโยบายกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหรือการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อิตาลีอาจจะเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ก้าวตามมาติดๆ ในขณะที่สหรัฐฯ ก็กำลังรอดูท่าทีของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดว่าจะมีการออกมาลดอัตราดอกเบี้ยยอมกลืนคำพูดของตัวเองหรือไม่ ส่วนฝั่งสหภาพยุโรปนางคริสติน ลาการ์ดประธาน ECB ได้ออกมาบอกแล้วว่าทาง ECB กำลังจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและนางอาจจะออกมาเตือนเพิ่มเติมหากสถานการณ์แย่ลง
ตอนนี้หากมีข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจากประเทศอย่างสหรัฐฯ หรือสหภาพยุโรปเชื่อว่าอาจจะช่วยชะลอการปรับตัวลงของตลาดหุ้นได้บ้างแต่หากจะให้ได้ผลดีจำเป็นอย่างยิ่งที่ตลาดจะต้องได้รับข่าวดีจากประเทศจีนหรือเกาหลีใต้ให้เร็วที่สุด ข่าวการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือมาตรการรับมือต่างๆ จากสองประเทศนี้จะสร้างข่าวดีให้กับทั่วทั้งโลกได้มหาศาล จนกว่าจะถึงตอนนั้นนักลงทุนคงทำได้เพียงปรับลดระดับแนวต้านในตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์ลงมาเรื่อยๆ
ในบรรดาคู่สกุลเงินหลักกราฟ USD/JPY คือตัวที่เปราะบางและพร้อมจะร่วงลงมากที่สุด นอกจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้ว พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปีเกือบจะสามารถลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีได้แล้วส่วนพันธบัตรรัฐบาลแบบ 30 ปีสร้างจุดต่ำสุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย นักลงทุนเชื่อว่าในปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 2 ครั้งแม้ว่าจะมีเหตุผลให้เชื่อน้อยมากกว่าธนาคารกลางฯ จะทำแบบนั้นจริง ผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ ช่วงครึ่งปีแรกอาจโตไม่ถึงเป้าที่คาดการณ์ไว้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ผู้ผลิตไอโฟนยังออกมาบอกผู้ถือหุ้นด้วยตัวเองว่าสำหรับผลกำไรในไตรมาสนี้ให้ทำใจเอาไว้ได้เลย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตโดย Markit ปรับลดตัวเลขลง ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอนแล้วสัปดาห์นี้นักลงทุนจึงควรจับตาดูตัวเลขบ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้ดี กราฟ USD/JPY มีโอกาสวิ่งไปมาอยู่ระหว่าง 110.50 และ 111.25 แต่ถ้าลงหนักจริงก็มีโอกาสลงไปยัง 109
คู่สกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในสัปดาห์นี้คือเจ้าของตำแหน่งคู่สกุลเงินที่ทำผลงานได้ยอดแย่ที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว: EUR/USD ที่สามารถกลับขึ้นมาจากหลุมและยืนเหนือ 1.0850 ได้เพราะข้อมูลรายงานดัชนีวัดบรรยากาศทางธุรกิจโดย IFO ของเยอรมัน ยอมรับว่าเราค่อนข้างประหลาดใจกับพัฒนาการอันก้าวกระโดดนี้ของกราฟ EUR/USD อย่างไรก็ตามเราก็ยังจะอยากเตือนนักลงทุนว่าอย่าพึ่งได้ใจกับขาขึ้นครั้งนี้ของ EUR/USD เพราะสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในอิตาลี ยิ่งไปกว่านั้นสัปดาห์นี้ยังมีรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นจากการสำรวจผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซนอีกที่อาจจะออกมาลดลง สกุลเงินหลักอื่นๆ เช่นปอนด์ ออสเตรเลีย แคนาดาและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ต่างหนีไม่พ้นพิษร้ายของไวรัสโคโรนาที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งแคนาดาดอลลาร์ที่ต้องปรับตัวลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบร่วงลง 3.5%