- รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 จะออกมาในคืนวันที่ 21 มกราคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับ: $5,450 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผลกำไรต่อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับ: $0.52
ในปี 2019 ถือเป็นปีที่เน็ตฟลิกซ์ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน การปรับตัวขึ้นเพียง 25% ของหุ้นบริษัทสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) นับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ค่อยดีสำหรับบริษัทและนักลงทุน เมื่อไตรมาสที่สองหุ้นของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ก็ทำได้ไม่ถึงเป้าตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ ยังดีที่ในไตรมาสที่ 3 เน็ตฟลิกซ์สามารถเพิ่มจำนวนของผู้สมัครสมาชิกได้อีก 6.77 ล้านคนซึ่งตัวเลขนี้มาจากการสมัครสมาชิกของผู้ใช้งานที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา
แม้ตัวเลขที่เติบโตขึ้นในไตรมาสที่ 3 พอจะช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อผู้เล่นใหม่ที่ต้องการเข้ามาแข่งขันในธุรกิจสตรีมมิ่งอย่างดีสนีย์ (NYSE:DIS) และแอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) ได้บ้างแต่ถึงกระนั้นปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์ในอเมริกาตลอด 12 เดือนซบเซาลงและทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวอื่นๆ ต่างพากันทะยานขึ้นอย่างสนุกสนานกลับมีเพียงเน็ตฟลิกซ์การปรับตัวขึ้นกลายเป็นเรื่องยากลำบาก ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดอยู่ที่ $339.67 ปรับตัวลดลง 20% จากจุดสูงสุดของกราฟในเดือนมิถุนายนปี 2018
ดังนั้นการรายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ของเน็ตฟลิกซ์ในคืนนี้จึงมีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก นี่จะเป็นการรายงานผลประกอบการครั้งแรกหลังจากที่ดิสนีย์เปิดให้บริการคู่แข่งอย่าง “Disney+” ออกมาท้าชน ทันทีที่ดิสนีย์เปิดให้บริการ บริษัทก็สามารถมียอดผู้สมัครสมาชิกระดับล้านคนได้ทันทีโดยยังไม่นับผู้สมัครสมาชิกนอกประเทศเลยด้วยซ้ำ นอกจากรายใหญ่อย่างดิสนีย์แล้วตอนนี้เน็ตฟลิกซ์ยังต้องเผชิญคู่แข่งอีกมากมายอย่างเช่น Comcast (NASDAQ:CMCSA) ที่พึ่งจะเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งของตัวเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและ AT&T's (NYSE:T) ที่มีแผนจะเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเองในเดือนพฤศภาคม 2020
อัตราการเติบโตเทียบกับอัตราการชำระค่าบริการ
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเน็ตฟลิกซ์ในสถานการณ์ที่เริ่มมีบริษัทเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดเยอะขึ้นคือจะทำอย่างไรจึงจะรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของบริษัทให้ไปควบคู่กับค่าชำระบริการที่เหมาะสมเอาไว้ได้ แม้เน็ตฟลิกซ์จะโฆษณาว่าตนนั้นมีภาพยนตร์หรือซีรีย์ที่ยอดเยี่ยมและมีการจัดการงบประมาณทางการตลาดที่ดีแต่ถ้าจำนวนผู้สมัครสมาชิกไม่เพิ่มขึ้นข้อดีที่เน็ตฟลิกซ์มีก็ไร้ความหมาย ท้ายที่สุดแล้วหุ้นของบริษัทก็จะสะท้อนภาพของความเป็นจริงออกมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เน็ตฟลิกซ์ต้องใช้เงินเพื่อนำไปยืมภาพยนตร์หรือซีรีย์มาจากผู้ผลิต หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าเน็ตฟลิกซ์ต้องใช้เงินในปีนี้มากถึง $2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
การนำหนี้มาเพื่อปั่นอัตราการเติบโตของตัวเองให้สูงขึ้นถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่เสี่ยงและทำให้หุ้นของเน็ตฟลิกซ์เปราะบาง ถ้าตัวเลขจำนวนผู้สมัครสมาชิกหยุดเติบโตขึ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์จะยังคงใช้โมเดลทางธุรกิจแบบนี้มาเพื่อสร้างความสำเร็จระยะสั้นไปเรื่อยๆ ต่อไปหรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มมีตัวเลือกมาขึ้นในการรับชมภาพยนตร์หรือซีรีย์แบบสตรีมมิ่ง นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าตัวเลขอัตราการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาสที่ 4 อาจจะเป็นตัวเลขอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดใน 4 ไตรมาสของปี 2019 เลยก็เป็นได้โดยเน็ตฟลิกซ์อาจมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านคนเท่านั้น
จากสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้หุ้นของเน็ตฟลิกซ์เป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงในปี 2020 นักลงทุนคาดการณ์ว่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์จะยังคงแกว่งไปอีกอย่างน้อยก็ระยะหนึ่งและในวันนี้อาจมีอัตราการเติบโตของผลกำไรอาจอยู่ที่ 7.7% เท่านั้นซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บริษัทเก็บข้อมูลอย่าง Trade Alert ประเมินโดยเฉลี่ยไว้ที่ 6%
โดยสรุปแล้ว...
การที่เราชี้ให้เห็นความเสี่ยงเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ เราเคารพเน็ตฟลิกซ์ในฐานะของบริษัทที่สามารถผลิกโฉมวงการการรับชมภาพยนตร์และซีรีย์ได้และเรายังเชื่อว่าเน็ตฟลิกซ์มีศักยภาพมากพอที่จะทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมออกมาอีกในไตรมาสถัดๆ ไปเพราะเน็ตฟลิกซ์ยังมีจุดแข็งมากกว่าบริษัทสตรีมมิ่งรายอื่นอีกอย่างเช่นเทคโนโลยีและภาพยนตร์ที่เป็นต้นฉบับของเน็ตฟลิกซ์เองซึ่งมีคุณภาพไม่แพ้หนังฮอลลีวูดที่โด่งดังหลายเรื่อง
แต่เมื่อต้องเผชิญกับคู่แข่งแล้วการเพิ่มงบเพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานดีๆ ที่ต้องแลกกับอัตราการเติบโตของผู้สมัครสมาชิกที่ลดลงถือเป็นหนทางที่เสี่ยงและไม่ง่ายเลยยิ่งเมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีด้วยกัน นักลงทุนยังมีตัวเลือกอีกเยอะที่จะไปลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ดูมีอนาคตสดใสกว่า จนกว่านักลงทุนจะเห็นว่าเน็ตฟลิกซ์มีสัญญาณของขาขึ้นที่ดีและบริษัทสามารถยืนด้วยกำลังของตัวเองได้ในยุคที่มีคู่แข่งมากมาย เมื่อนั้นเราเชื่อว่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์พร้อมที่จะเติบโตขึ้นไปได้อีก ดังนั้นการมีจำนวนผู้สมัครสมาชิกของเน็ตฟลิกซ์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2020 จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากของบริษัท