นักลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลตอบแทนมากที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อยู่ในตลาด Nasdaq 100 สามารถทำกำไรได้มากถึง $7 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 2009 และปี 2019 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนี้สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบ 10 ปี
หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์มาตลอดทั้งปี เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ 2020 นักลงทุนผู้ศรัทธาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็มีข้อสงสัยว่าในปีนี้จะยังเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของหุ้นกลุ่มนี้อยู่หรือไม่ สภาพแวดล้อมทางการลงทุนจะยังเอื้อประโยชน์ให้กับหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลายอยู่หรือเปล่า
ผลงานอันยอดเยี่ยมในปี 2019 ของตลาดหุ้น Nasdaq จะยกเครดิตให้ใครไปไม่ได้เลยนอกจากหุ้นสามตัวนี้ที่พอพูดถึงแล้วไม่มีใครไม่รู้จัก หุ้นตัวแรกเลยคือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตมือถือชื่อดังอย่างไอโฟนซึ่งก็คือ Apple (NASDAQ:AAPL) ในปี 2019 แอปเปิ้ลบริษัทเดียวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตามมาก็คือบริษัท Microsoft (NASDAQ:MSFT) ที่หุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น 60% และสุดท้ายคือบริษัทเจ้าของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook (NASDAQ:FB) ซึ่งหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น 50%
จากการที่หุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามนี้ปรับตัวขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดทำให้นักลงทุนบางส่วนกลัวว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้นพร้อมที่จะร่วงลงอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อเพราะแนวโน้มขาลงถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฐจักรหุ้นมาโดยตลอด ยิ่งปรับตัวลากขึ้นไปได้นานแค่ไหนความเสี่ยงที่ราคาจะถล่มลงมาก็ยิ่งมีสูงขึ้น ความไม่แน่นอนนี้อาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าอัตราการเติบโตของหุ้นเหล่านี้ลดลงจนเหล่าคนรวยไม่ปลื้ม คนรวยเหล่านี้ก็พร้อมที่จะหันไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นได้ทุกเมื่อ และการที่ตลาด Nasdaq มีผลงานรายปีที่สามารถปิดบวกได้ 34 ครั้งถือเป็นการบอกใบ้ว่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะยังไม่ลงมามีราคาถูกให้เหล่านักลงทุนสามารถเข้าซื้อในราคาถูกได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเวลาก็ยังคงเข้าข้างนักลงทุนผู้ที่สามารถอดทนรอได้เสมอและโอกาสในการลงทุนก็ยังมีอยู่ตลอด ในปี 2020 สำหรับนักลงทุนที่สามารถรอเวลาในการทำกำไรในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าได้ การเพิ่มหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีๆ เข้าไปในพอร์ตของตัวเองอีกสัก 2-3 ตัวก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นัก
หุ้นที่เก่าแต่เก๋าในโลกของเทคโนโลยี
ในบรรดาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรุ่นเก๋า สำหรับผมแล้วชอบหุ้นของ Microsoft แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทนี้จะอยู่สูงและทำผลงานได้ดีในปีที่แล้ว ในปีนี้สิ่งที่นักลงทุนควรจับตามองคือทิศทางและการพัฒนาเรื่องของตลาด cloud computing ซึ่งบริษัท Microsoft มีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Amazon (NASDAQ:AMZN) และบริษัทเจ้าของ Google อย่าง Alphabet (NASDAQ:GOOGL)
ในมุมมองของผมการปรับใช้ของระบบให้บริการคลาวด์จะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันบริษัท Microsoft ให้ไปข้างหน้าและบริษัทจะยังสามารถขยายเงินลงทุนได้อีกด้วย ในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัท Microsoft ได้มีการพาร์ทเนอร์กับบริษัท Joint Enterprise Defense Infrastructure หรือสามารถเรียกสั้นๆ ได้ว่า JEDI เพื่อให้บริการระบบคลาวด์ที่ชื่อว่า Azure ให้กับด้านการป้องกันข้อมูลของบริษัทซึ่งการตกลงครั้งนี้ทำให้บริษัท Microsoft ได้เงินไปมากถึง $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่น่าดึงดูดอีกอย่างของหุ้นบริษัท Microsoft ก็คือที่ผ่านมาหุ้น Microsoft มีสถิตการให้ปันผลได้อย่างดีแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพหรือไม่ก็ตาม จากปี 2004 ตั้งแต่ที่บริษัท Microsoft เริ่มจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกก็มีการเพิ่มมากกว่าเดิมถึงสี่เท่า ปัจจุบันหุ้นของบริษัท Microsoft ในแต่ละไตรมาสสามารถปันผลรายปีได้อยู่ที่ 1.29% คิดเป็น $0.51 ต่อหุ้น
เช่นเดียวกันกับหุ้นของบริษัท Microsoft หุ้นของบริษัท Apple ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนระยะยาวหลังจากที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการปรับตัวขึ้นไปมากถึง 86% ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบสิบปีของแอปเปิ้ลเลยก็ว่าได้
หุ้นของบริษัทแอปเปิ้ลยังมีสิทธิ์ที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปได้อีกทันทีที่บริษัทสามารถประกาศเปิดตัวไอโฟน (iPhone) รุ่นใหม่ที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G ได้ นักลงทุนและแฟนคลับของโทรศัพท์ผลไม้ยี่ห้อนี้ต่างหวังให้ในเดือนกันยายนที่มีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ทุกปีจะสามารถทำได้ตามที่คาดหวัง
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีแผนที่จะปล่อยมือถือใหม่ในช่วงต้นครึ่งแรกของปีซึ่งสำนักข่าวหลายๆ แห่งคาดการณ์กันว่าจะเป็นไอโฟน 9 ซึ่งถูกทำออกมาตอบโจทย์ผู้ที่อยากใช้ไอโฟนแต่ไม่ต้องการซื้อแพง
นอกเหนือจากการที่บริษัทแอปเปิ้ลมีผลิตภัณฑ์ที่ขายดีมากๆ อย่างอย่างไอโฟนอยู่แล้ว ทุกวันนี้บริษัทแอปเปิ้ลมีผู้ใช้งานมากถึง 1,500 ล้านคนทั่วโลกและยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ออกมาเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกันกับมือถือไอโฟนอย่างเช่น AppleWatch และ AirPod ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมเหล่านี้ก็มีตัวเลขการเติบโตทางกำไรที่ดีด้วยเช่นกัน ด้วยระบบ ecosystem ที่แข็งแกร่งของแอปเปิ้ลถือเป็นข้อแตกต่างที่ยังทำให้บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ สามารถแข่งขันกับแอปเปิ้ลได้ยาก
โดยสรุปแล้ว...
ถือเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนในตลาดหุ้นปี 2020 นี้แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์หลายๆ สำนักเห็นตรงกันก็คือเป็นไปได้ยากที่ตลาดหุ้นในปีนี้จะให้ผลตอบแทนได้เท่ากับผลงานที่ทำไว้อย่างสวยหรูในปีที่แล้ว การถือหุ้นที่สามารถผ่านร้อนผ่านหนาวได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวนแค่ไหนถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปีที่ขาขึ้นอาจไม่สามารถขึ้นได้เท่าเดิม