เป็นเรื่องปกติที่ตลาดหุ้นจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความผันผวนที่ไม่คาดฝันเข้ามากระทบซึ่งในตอนนี้ปัจจัยที่เข้ามาไม่มีข่าวไหนดังไปกว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ - อิหร่านหลังจากที่สหรัฐฯ ทำการสังหารผู้นำทางการทหารนายคาเซ็ม ซูลีมานี ที่กรุงแบกแดดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ความซับซ้อนระหว่างความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และอิหร่านและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยที่ยากต่อการนำมาคาดการณ์ทิศทางของราคาในตลาดหุ้น แม้การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ช่วยให้การค้าขายภายในประเทศดีขึ้น แต่ข่าวความรุนแรงนี้ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ความกดดันถึงแม้ว่าอาจจะเป็นความกดดันในระยะสั้นๆ ก็ตาม
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแต่บางบริษัทในสหรัฐฯ กำลังจะมีรายงานผลประกอบการในแต่ละไตรมาสออกมาในสัปดาห์นี้ซึ่งเราเชื่อว่าหุ้นทั้ง 3 ตัวที่เลือกมานี้จะมีอนาคตที่ดีหลังจากที่รายงานตัวเลขผลประกอบการผ่านพ้นไปแล้ว
1. Walgreens
บริษัทเภสัชกรรมขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของสหรัฐฯ อย่าง Walgreens Boots Alliance (NASDAQ:WBA) จะมีรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ในวันพุธที่ 8 มกราคมนี้ ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิดนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรที่ได้ต่อหุ้น (EPS) จะอยู่ที่ $1.41 ในช่วงปิดไตรมาสของเดือนพฤศจิกายนคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น $34,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในปีที่ผ่านมาบริษัท Walgreens ได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายในบริษัทลงมาแล้วหลังจากที่บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนและต้องแข่งกับคู่แข่งรายใหม่ๆ อย่างบริษัทแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) และคู่แข่งรายอื่นๆ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2019 ทางบริษัทได้เผยว่าพวกเขามีแผนที่จะค่าใช้จ่ายรายปีลงอีก $300 ล้านเหรียญสหรัฐเพราะทางบริษัทคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของบริษัทในปีนี้จะคงที่
บริษัท Walgreens มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงรูปแบบการเข้าลูกค้ารายย่อยและทำการตลาดผ่านโลกดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในเดือนสิงหาคมพวกเขาเผยว่ามีโครงการจะปิดร้านค้ารายย่อยของบริษัทลงมากกว่า 200 สาขาจากที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศไปแล้วว่าลดสาขาลงมากกว่า 750 สาขา
ก่อนหน้านี้ทางบริษัท Walgreens เคยบอกกับนักลงทุนไปแล้วว่าผลกำไรต่อหุ้นที่จะได้ในปี 2020 อาจจะเป็นตัวเลขคงที่ซึ่งจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ก็ทำให้หุ้นของบริษัททำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานจริงๆ ตลอดปี 2019 ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมากกว่า 12% มีราคาปิดเหมือนเดิมกับราคาเมื่อวันศุกร์ที่ $59.08
2. Bed, Bath & Beyond
ถ้าเป็นไปตามข่าวที่รายงานว่าตัวเลขผู้บริโภคในสหรัฐฯ ตลอดสามเดือนสุดท้ายของปี 2019 สูงขึ้นจริง ดังนั้นรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และสุขภัณฑ์ขนาดใหญ๋อย่าง Bed, Bath & Beyond (NASDAQ:BBBY) ที่จะประกาศออกมในวันพุธที่ 8 มกราคมนี้ควรจะต้องเพิ่มสูงขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทผู้ผลิตโฮมสุขภัณฑ์รายนี้จะรายงานยอดขายอยู่ที่ $2,800 ล้านเหรียญสหรัฐโดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.02 บริษัท Bed, Bath & Beyond กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงรูปแบบทางธุรกิจใหม่หลังจากที่พวกเขาต้องเจอกับบริษัทคู่แข่งที่เกิดจาก e-commerce เข้ามาท้าชิงแย่งตลาดทางธุรกิจ
เมื่อเดือนที่แล้วทางบริษัทพึ่งประกาศออกมาว่าผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายๆ คนของบริษัทตัดสินใจลาออกไปยกตัวอย่างเช่นตำแหน่งหัวหน้าแผนกการค้า การตลาด ผู้ดูแลการค้าออนไลน์และนักกฎหมาย ก่อนหน้านี้บริษัทก็มีข่าวว่าได้ทำการเปลี่ยนผู้อำนวยการระดับสูงของบริษัทในหลายๆ ตำแหน่งทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและนักลงทุน พวกเขายังมีแผนที่จะตรวจสอบและปรับปรุงร้านราย่อยอีกมากกว่า 1,500 สาขา
ข่าวการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจในหุ้น BBBY ทำให้ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นสูงกว่า 50% ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาก่อนที่วันศุกร์จะปิดราคาที่ $16.08 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 1.5%
3. Constellation Brands
เช่นเดียวกันกับบริษัทอื่นๆ ที่ได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้บริษัทผู้ผลิตเบียร์ชื่อดังอย่างแบรนด์โคโรน่า (Corona) Constellation Brands (NYSE:STZ) จะมีรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 วันพุธที่จะถึงนี้ ที่ผ่านมาบริษัท Constellation Brands โชว์ผลงานทำกำไรไปได้มากถึง $1,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น $1.84 ของกำไรต่อหุ้น
ในช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ตัวเลขผลประกอบการจากบริษัทผู้ผลิตกัญชาอย่าง Canopy Growth (NYSE:CGC) มีตัวเลขเพิ่มขึ้นเพียง $4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น สาเหตุเกิดจากบริษัทผู้ผลิตกัญชาเองก็เจอผู้แข่งขันรายอื่นเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปเช่นกัน
มีรายงานจากบริษัท Constellation Brands ว่าในไตรมาสที่สองของบริษัทได้ขาดทุนไปเป็นจำนวนเงิน $525.2 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการของบริษัท Canopy Growth ในไตรมาสที่ 2 ที่ลดลงประมาณ $1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของมูลค่าหุ้น และยังรวมไปถึงการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัท Canopy $839 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท Constellation Brands นายเดวิด ไคลน์ได้กล่าวกับนักวิเคราะห์ในเดือนตุลาคมว่า “ธุรกิจของบริษัท Canopy กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจนคุณอาจจะต้องทึ่งในตัวเลขทางการเงินของพวกเรา”
อนึ่งราคาหุ้นของบริษัท Constellation Brands ตลอดช่วงหกเดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากกว่า 5% และเมื่อวันศุกร์ล่าสุดที่ผ่านมาราคาสามารถปรับตัวขึ้นมา 0.6% ที่ระดับราคา $189.53