📊 ดูวิธีการที่นักลงทุนชั้นนำสร้างพอร์ตของพวกเขาค้นหาไอเดียการเทรด

ผู้ชนะ 2 ราย และแพ้ 1 รายใน โปรโมชั่น Black Friday And Cyber Monday

เผยแพร่ 04/12/2562 17:47

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในฤดูการช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด ในสหรัฐฯ ยอดขายออนไลน์ในโปรโมชั่น Cyber Monday แตะยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $9,200 ล้านเหรียญ ขึ้น 16.9% จากปีก่อน ข้อมูลจาก Adobe Analytics ซึ่งยังตามยอดขายออนไลน์จากโปรโมชั่นวันขอบคุณพระเจ้าและ Black Friday ที่มียอดขายถึง $11,600 ล้านเหรียญ

การซื้อในร้านก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกันเนื่องจากมีผู้คนเกือบ 157 ล้านคนออกมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สี่วันนี้แต่ละการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $504 เหรียญ

แต่ไม่ใช่ร้านค้าปลีกทุกแห่งจะมียอดขายที่เท่ากันหมดในช่วงวันหยุด บริษัทที่ใหญ่และมีแพลตฟอร์มที่หลากหลายดึงยอดขายส่วนใหญ่ไป โดยใช้แคมเปญที่ว่า “ซื้อออนไลน์ มารับได้ที่ร้าน” ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีถึง 43.2% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.

ด้านล่างนี้คือข้อมูลจากการช้อปปิ้งในช่วงวันหยุดของร้านที่มีเป็นผู้ชนะ 2 ร้านและผู้แพ้ 1 ร้าน

ผู้ชนะ

1. Target

หุ้นของ Target (NYSE:TGT) ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของบริษัท ทั้งในเรื่องของร้านค้าและร้านค้าออนไลน์ รวมไปถึงระบบการสั่งและการับของในร้าน

Matthew McClintock นักวิเคราะห์ บริษัท ของ Raymond James กล่าวว่าตัวเลขความหนาแน่นของลูกค้าที่เข้าร้านในช่วงวันหยุดนั้นเป็นที่น่าประทับใจ ยังเพิ่มเติมว่า เป็นร้านค้าปลีกที่ “สามารถตอบสนองและเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องผ่านโครงสร้างฟื้นฐานของการขนส่งที่เหนือกว่า”

ทำให้หุ้นได้รับแรงหนุน ปิดบวกเมื่อวันจันทร์ที่ $124.04 เหรียญ ได้รับผลกำไรประมาณ 88% ในปีนี้ ทำให้บริษัทมีมูลค่าในตลาดที่ $62,800 ล้านเหรียญ

กราฟหุ้น Target รายวัน

ด้วยการมีแบรนด์สินค้าเป็นของบริษัท รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนพิเศษกับ Disney (NYSE:DIS)ซึ่งตอนนี้เปิดร้านค้าในสถานที่เป้าหมาย 25 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกาจึงทำให้มียอดขายที่แข็งแกร่งในฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่สินค้าขายดีจะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Disney เช่น Frozen 2 ที่ทำยอดขายได้ดีในโปรโมชั่น Black Friday และ Cyber Monday

2. Best Buy

Best Buy (NYSE:BBY) ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกรายเก่าเพียงไม่กี่รายที่ยังคงประสบความสำเร็จในการเผชิญหน้ากับAmazon (NASDAQ:AMZN) ซึ่งบริษัทได้รับความประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงการให้บริการลูกค้าทำให้มีตัวเลขความหนาแน่นของลูกค้าเพิ่มขึ้น

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่ยอมรับในฐานะที่มีผลการดำเนินการที่ดีในอุตสาหกรรมในปีนี้ โดยหุ้นกระโดดเป็น 48% ในปี 2019 ราคาหุ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $83.63 เหรียญ ปิดตลาดเมื่อวานที่ $78.11 เหรียญ มีมูลค่าในตลาดประมาณ $20,600 ล้านเหรียญ

กราฟหุ้น Best Buy รายวัน

กำไรที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นสำหรับบริษัทที่ได้ให้บริการผลิตภัณฑ์ข้ามชาติ ซึ่งดำเนินงานในแคนาดาและเม็กซิโกด้วย และดูเหมือนว่าลูกค้าจะยังคงเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งในช่วงวันหยุดอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าเกมและโทรทัศน์คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการสูง

ความสามารถด้านโลจิสติกส์จะทำให้ Best Buy ขึ้นนำในฤดูกาลนี้ ลูกค้าสามารถไปรับของได้ที่ร้านภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากที่มีการสั่งซื้อออนไลน์ ในขณะที่ Besy Buy ยังเปิดตัวร้านค้าทางเลือกอีก 175 ร้านที่ลูกค้าสามารถเข้าไปรับของได้ในบริเวณ New York และ ชิคาโก

นำเสนอความสะดวกในการซื้อที่มากยิ่งขึ้น บริษัท ประกาศว่าจะให้บริการจัดส่งในวันถัดไปสำหรับผลิตภัณฑ์หลายพันรายการโดยไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือมีขั้นต่ำในคำสั่งซื้อ

ผู้แพ้อย่างราบคาบ: Kohl's

ในทางตรงกันข้ามกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในรอบปีที่ผ่านมา หุ้นของ Kohl (NYSE:KSS) มีแนวโน้มลดลงในปี 2019 สูญเสียราว 30% ขณะที่บริษัทพยายามหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อดึงผู้ซื้อกลับมา

Shares closed at $45.94 last night, not far from their recent 52-week low of $43.33, giving it a market cap of $7.3 billion หุ้นปิดที่ $45.94 เหรียญเมื่อคืนนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $43.33 เหรียญทำให้ตลาดหุ้นมีมูลค่า 7,300 ล้านเหรียญ

กราฟหุ้น Kohl's รายวัน

อ้างอิงข้อมูลจาก ShopperTrak ยอดขายในโปรโมชั่น Black Friday ลดลง 6.2% สำหรับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ซึ่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

Kohl ได้ปรับลดการประมาณการกำไรรายปีในวันที่ 19 พ.ย. เนื่องจากผลประกอบการรายไตรมาสได้ลดลงจากปีที่แล้วและไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ ยอดขายที่ได้จากระยะเวลา 12 เดือนลดลงอย่างมาก จากการคาดการณ์การโตที่ 0.8% โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%

ม่ต้องสงสัยเลยว่าบริษัทอีคอมเมิร์ซได้สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับร้านค้าที่ไม่ใช่ร้านค้าออนไลน์ เห็นได้ชัดว่า Kohl ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย