โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2019
วิธีที่ดีที่สุดที่จะสรุปคำแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อ N.Y. Economics Club ก็คือตลาดจะแย่ยิ่งกว่าเดิม คำขู่ของเขาค่อนข้างชัดเจนว่าจะเพิ่มเพดานภาษีให้กับจีนหากไม่มีข้อตกลงทางการค้าเกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงว่าตอนนี้การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนไปในทิศทางไหน และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการยกเลิกภาษีเลย อีกทั้งยังไม่พูดถึงการตัดสินใจในเรื่องของการเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป เมื่อเรามาคิดทบทวนแล้ว มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เชื่อว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นมีข้อจำกัด ทรัมป์ได้ให้คำอธิบายว่า อียูนั้น “แย่ยิ่งกว่าจีน” นั่นเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมค่าเงิน ยูโร ยังอยู่ในสถานะโดนกดดันและ คู่สกุลเงิน USD/JPY ปรับลดลงไปอยู่ที่ 109.00 หลังจากคำกล่าวของเขา มีการคาดการณ์ว่าการตัดสินใจในเรื่องการเก็บภาษีรถยนต์นั้นอาจจะเลื่อนออกไป ซึ่งการประกาศอาจจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้ และจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในปฏิทินในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าซึ่งอาจทำให้ความผันผวนของค่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือคำให้การต่อรัฐสภาคองเกรสของนายพาวเวลล์ประธานเฟดและการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ คำถามคือเหตุการณ์ไหนจะสร้างความประหลาดใจได้มากที่สุด
เริ่มที่การประกาศนโนบายจากทางธนาคารกลางนิวซีแลนด์ที่จะประกาศก่อนคำแถลงการณ์จากพาวเวลล์ 1 ชั่วโมง ตลาดตั้งโอกาสการลดดอกเบี้ยรายไตรมาสที่ 76% ค่าเงิน NZD แข็งค่าขึ้นในวันจันทร์หลังจากที่คณะกรรมการเงา (shadow board) ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์แนะนำว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงในเอเชียหลังจากการคาดการณ์เงินเฟ้อในไตรมาสที่ 4 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สมาชิกในคณะกรรมการรู้สึกว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะออกนโยบายผ่อนคลายการเงินและ “การปรับลดก่อนหน้ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ” แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่ปรากฎในตารางด้านล่างได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ระหว่างการประกาศนโยบาย เราเห็นถึงควาวมอ่อนแอมากกว่าความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ นอกเหนือจากเรื่องของเงินเฟ้อแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคยังหดตัว การเติบโตของตลาดแรงงานก็ชะลอตัวพอๆกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีเพียงตัวชี้วัดที่อยู่อาศัยและตลาดเท่านั้นที่มีการพัฒนาไปในทางทีดี จากรายงานนี้แล้วเรายังมองเห็นว่าสามารถใช้มาตรการอื่นๆ ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก เป็นเวลา 5 เดือนมาแล้วที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการปรับลดครั้งนั้นอยู่ที่ 50% จุดเบสิส และถ้าหากว่าการประกาศนโยบายทางการเงินครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของธนาคารกลาง มันจะเป็นโอกาศครั้งสุดท้ายของปีนี้ที่จะประกาศนโยบายผ่อนคลายการเงิน จนกว่าจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ในปีถัดไป และด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราเชื่อว่าจะมีโอกาสที่ดีที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดเบสิส เพื่อฟื้นค่าเงินนิวซีแลนด์ให้เท่ากับระดับค่าเงินออสเตรเลีย
หนึ่งชั่วโมงหลังจากการประการการตัดสินใจเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นาย Orr ผู้ว่าการธนาคารจะมีการแถลงข่าว นาย Orr ได้กล่าวไว้ว่าหากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศคงดอกเบี้ยไว้ จะมีโอกาสในการปรับลดอีกครั้งในต้นปีหน้า หรือหากมีการปรับลดในการประชุมครั้งนี้ เราจะเห็นการซื้อขายคู่สกุลเงิน NZD/USD สูงถึงจุด .6370 หากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับลดเบี้ยที่ 25 จุดเบบสิสโดยที่ยังมีนโยบายผ่อนคลายรองรับเราจะเห็นคู่สกุลเงินนี้ปรับลดต่ำกว่าระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากมีนโยบายผ่อนคลายแต่จะไม่มีการปรับเพิ่มเติม ค่าเงิน NZD ก็จะไม่มีการปรับขึ้นเช่นกัน
ด้วยค่าเฉลี่ยดัชนีดาวโจนส์ที่สูงเป็นประัติการณ์ ประธานเฟดได้คาดหวังว่าเศรษฐกิจน่าจะโตมากกว่านี้ได้อีก ในการประชุมนโยบายธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงและเขาก็ชี้แจงอย่างชัดเจนว่านี่เป็นเพียงการประกันความเสี่ยงของการเติบโตทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ตั้งแต่นั้นมายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากการผลักดันหุ้นที่สูงขึ้น ตัวเลขการเติบโตยังไม่ถูกเปิดเผย ส่วนข้อตกลงทางการค้ายังคงไม่มีคำตอบ ดังนั้น เราคาดหวังว่า พาวเวลล์จะให้คำอธิบายในเรื่องของตัวเลขตลาดแรงงานและคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง เขายังบอกด้วยว่าไม่มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายอีกต่อไปในปีนี้ เนื่องจาก “นโยบายการเงินอยู่ในสถานที่ที่ดี” การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นนั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม และ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ขึ้นอยู่กับคำกล่าวที่ว่าจะไม่มีการปรับลดเบี้ยในเร็วๆ นี้ ระหว่าง พาวเวลล์และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ คำกล่าวของประธานเฟดจะมีผลกระทบมากกว่าต่อตลาดสกุลเงินต่างๆ แต่สำหรับธนาคารกลางที่แผนการนโยบายยังไม่ชัดเจน อาจจะนำมาซึ่งความประหลาดใจก็เป็นได้ นอกเหนือจากเหตุการณ์ทั้ง 2 นี่แล้ว จะมีรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคจาก สหรัฐฯอังกฤษ และ เยอรมนี ที่กำหนดวันออกรายงานแล้ว แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น