โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2019
นายมาริโอ ดรากีจะรับหน้าที่เป็นประธานการประชุมธนาคารกลางยุโรปก่อนพ้นจากตำแหน่งในวันนี้เป็นนัดสุดท้าย หลังจากที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกคนหนึ่งมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี โดยก่อนที่จะอำลาตำแหน่งไป เขาก็ยังมีท่าทีบางอย่างที่แสดงให้นักลงทุนเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยยังน่าจะต่ำอยู่เช่นนี้ต่อไป เงิน ยูโร จึงถูกเทขายจนไปแตะที่ระดับต่ำกว่า 1.11 ได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ พักหนึ่ง ตัวเลขในภาคบริการและการก่อสร้าง ประกอบกับค่าจ้างและปริมาณการจ้างงานที่อ่อนตัวลงนั้นหมายความว่าน่าจะยังเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจอยู่ รายงานดัชนี PMI ที่ประกาศออกมาในวันนี้ยังยืนยันด้วยว่าตัวเลขดังกล่าวในเยอรมนีและยูโรโซนก็ย่ำแย่ลงด้วยเช่นกัน ปัญหาในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ราคายังน่าจะ "ปรับลดลงไปได้อีกเล็กน้อย… การใช้มาตรการทางการเงินเพิ่มเติมจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็น” เมื่อข้อมูลรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาเช่นนี้ นายดรากีจึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการควบคุมดุลการเงินเพื่อช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากภาครัฐยังมีความสามารถในการดำเนินการดังกล่าวได้
ปัญหาสำคัญสำหรับนางคริสติน ลาการ์ด ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนั้นก็คือปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังเป็นขาลง ระหว่างรอการประชุมนัดแรกที่เธอจะรับหน้าที่เป็นประธานในเดือนธันวาคมนั้น สถานการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่อ่อนตัวลงโดยเฉพาะในเยอรมนีก็ยังน่าจะทำให้เกิดแรงกดดันกับเงินยูโรต่อไป ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเพื่อดูว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแท้จริงเมื่อใด หากมีหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว เราก็น่าจะได้เห็นค่าเงิน ยูโร ปรับลดลงต่อไปอีก โดยตัวชี้วัดอันดับต่อไปจะเป็นตัวเลข รายงาน ของ IFO จากเยอรมนีที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ ความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่สุดของเงินยูโรในช่วงนี้ยังพอจะมีตัวฉุดไม่ให้ดิ่งหนักได้จากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งจะช่วยให้ไม่ให้ EUR/USD ปรับลดลงมากนัก เมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคจะพบว่าการที่ราคาไปสะท้อนกลับออกจากเส้น SMA 100 วันหมายความว่า สกุลเงินคู่นี้ยังอาจจะปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1.1050 ได้
ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์สหรัฐ ยังซื้อขายกันได้ในระดับที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทั้งหมดในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับยอด สั่งซื้อสินค้าคงทนถาวร ที่ปรับลดลงเพราะดัชนี PMI ที่รายงานออกมาโดย Markit Economics ยังคงดีอยู่ โดยรวมแล้วรายงานนี้ไม่ค่อยมีผลกับตลาดมากเท่ากับรายงานของ ISM แต่การที่ตัวเลขในภาคบริการและภาคการผลิตที่สูงขึ้นนั้นย่อมส่งผลดีกับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในสัปดาห์หน้า และเราเชื่อว่า USD/JPY จะไปแตะระดับ 108.00 ได้ก่อนหน้านั้น ตัวเลขที่ปรับลดลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนถาวรและ ยอดจำหน่ายที่อยู่อาศัยใหม่ นั้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันกำลังแย่ลง
สกุลเงินที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดวันนี้คือดอลลาร์ ออสเตรเลีย และดอลลาร์ นิวซีแลนด์ โดย NZD นั้นร่วงลงไปพร้อมๆ กับ AUD หลังจากที่ตัวเลขดัชนี PMI ออกมาค่อนข้างแย่ ข้อมูลที่รายงานออกมาจาก CBA อันได้แก่ตัวเลขใน ภาคการผลิต และ ภาคบริการ ในเดือนตุลาคมก็ยังชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเปิดประมูลขายพันธบัตรของออสเตรเลียก็ประมูลออกได้ไม่หมด สกุลเงินทั้งคู่จึงยังต้องรอการปรับฐานต่อไป ซึ่งน่าจะกินเวลาอีก 1-2 วันก่อนที่จะเริ่มเข้าที่ ส่วนทางด้านของ USD/CAD นั้นก็ปรับลดลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ในขณะที่สกุลเงินหลักอื่นๆ ต่างก็ปรับตัวลดลงไปพร้อมๆ กันเช่นนี้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จึงมีเพียงการรอเวลา เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวขึ้นเท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ GBP/USD ยังปรับตัวลดลงเนื่องจากรายงานข่าวที่ออกมาว่าอียูจะรอจนกว่าจะถึงวันจันทร์ในการพิจารณาว่าจะขยายเวลาให้กับสหราชอาณาจักรในประเด็นเรื่อง Brexit ออกไปอีกนานเพียงใด ทางด้านนายบอริส จอห์นสันก็ยังคงเดินหน้าผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคมนี้ต่อไป และกล่าวอย่างชัดเจนว่าจะให้เวลาสมาชิกสภาในการพิจารณามากขึ้นหากทุกคนยินยอมให้มีการจัดการเลือกตั้ง ด้านนายคอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวว่าเขาจะรอดูว่าอียูจะขยายเวลาให้อีกนานเท่าใดก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับข้อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งของนายจอห์นสัน บทสรุปในเรื่องนี้ก็คือ ความวุ่นวายจะยังดำเนินต่อไป แต่การตัดสินใจของอียูที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันศุกร์หรือวันจันทร์หน้านี้ย่อมเป็นตัวชี้ชะตาสำคัญในเรื่องนี้ตัวหนึ่งเลยทีเดียว