ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อขายกันที่ระดับต่ำลงมากหลังจากตัวเลข ดัชนีด้านการผลิตของ ISM ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ตัวเลขในภาคการผลิตถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกๆ เมื่อเศรษฐกิจโลกเกิดการชะลอตัว อุตสาหกรรมการผลิตได้หดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2016 เป็นต้นมาเนื่องจาก ปริมาณการส่งออก เริ่มลดลงและ คำสั่งซื้อใหม่ ก็ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี โดยเดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ห้าแล้วที่มีปริมาณการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคบริการนั้นเป็นตัวแทนส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ธุรกิจภาคบริการจะไม่สามารถเติบโตได้ หากภาคการผลิตยังหดตัวอยู่ต่อไป หลังจากที่รายงานดังกล่าวออกมา ผลตอบแทนพันธบัตรก็ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดในรอบ 2 ปี ในขณะเดียวกัน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ก็ร่วงลงไปกว่า 300 จุด USD/JPY ปิดตลาดได้ต่ำกว่า 106 และ EUR/USD ฟื้นตัวขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเช่นนี้จึงเป็นการยากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพูดได้ว่าเศรษฐกิจยังดีอยู่ได้อีก เราคาดว่าจะมีออก แถลงการณ์ คำเตือนในเรื่องดังกล่าวภายในวันนี้ และคาดว่า การขาดดุลการค้า จะมีมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ USD/JPY ร่วงลงต่อไปที่ระดับ 105
มีสกุลเงินเพียงสกุลเดียวซึ่งทำผลงานได้แย่กว่าดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ซึ่งก็คือ ดอลลาร์แคนาดา ในช่วงก่อนที่ธนาคารกลางแคนาดาจะมีการ ประกาศนโยบายทางการเงิน ทำให้นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจที่จะซื้อดอลลาร์แคนาดาในช่วงนี้ USD/CAD ยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนและอาจไปแตะระดับ 1.34 ได้หากธนาคารกลางมีท่าทีว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนตุลาคมนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางแคนาดานั่งทำงานอย่างสบายใจ แต่ตลาดเริ่มให้ความเชื่อมั่นว่าจะมีโอกาสถึง 75% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในสิ้นปีนี้ ข้อมูลทางเศรษฐกิจของแคนาดาไม่ได้แย่ลง แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัวเกิดขึ้น ยอดขายปลีก ของเดือนกรกฎาคมที่ยังค่อนข้างซบเซาแต่การใช้จ่าย ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ สภาวะตลาดแรงงานดูอ่อนแรงลงแต่ รายงานปริมาณการจ้างงาน ในสัปดาห์นี้น่าจะดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อ ยังอยู่เหนือระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ รวมถึงอุตสาหกรรมภาคการผลิตก็ยังค่อนข้างคงที่ จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นค่อนข้างมากหลังจากการประชุมเชิงนโยบายในเดือนกรกฎาคม ประกอบกับการที่แคนาดาไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดจากข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้ จึงทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า แถลงการณ์ของธนาคารกลางแคนาดา ในสัปดาห์นี้จะเป็นไปในทางผ่อนคลาย และหากว่าธนาคารกลางแคนาดามีท่าทีที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจริงๆ USD/CAD ก็น่าจะทะลุแนวต้านในรอบ 3 สัปดาห์ไปแตะที่ระดับ 1.34 ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางแคนาดาไม่มีท่าทีที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจแคนาดาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่เหลือทั่วโลกน่าจะทำให้ USD/CAD ลงไปต่ำกว่า 1.32 ได้
ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็นสกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อวานนี้ แม้ว่า ยอดขายปลีก จะลดลงกว่าเดิมเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม แต่ บัญชีเดินสะพัด เกินดุลไปอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 44 ปี เนื่องจากธนาคารกลางเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าแม้ว่าขณะนี้จะยังมีปัญหากับจีน แต่ก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีก ปริมาณการส่งออก ที่ยังแข็งแกร่งมากจะทำให้ตัวเลข รายงานจีดีพี ประจำไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.6% ข้อมูลเช่นนี้เองที่ทำให้ธนาคารกลางมั่นใจว่า “การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมีอิทธิพลเหนือแนวโน้มในภาพรวมได้” ธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่าจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น แต่ในรายงานฉบับเดียวกันก็เน้นว่าตลาดซื้อขายบ้านยังคงฟื้นตัวได้ดีซึ่งชี้ให้เห็นว่าเสถียรภาพในตลาดนี้จะช่วยให้เกิดการใช้จ่ายที่มากขึ้นต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่าน่าจะมีแรงหนุนให้การเติบโตของค่าจ้างที่ดีขึ้นซึ่งก็น่าจะช่วยทำให้คลายกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำลงได้ หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลทางเทคนิคแล้ว อีกไม่นานเราก็น่าจะเห็นจุดต่ำสุดในระยะสั้นของ AUD/USD ได้ หากสกุลเงินคู่นี้สามารถไปปิดตลาดที่จุดสูงสุดได้ ก็น่าจะสามารถเคลื่อนตัวต่อไปเหนือระดับ 68 เซนต์ได้ไม่ยาก
ในขณะเดียวกัน EUR/USD ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ทิศทางที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากกระแสการหลีกหนีเงินดอลลาร์เป็นหลัก แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจากรายงานดัชนี PMI และ ยอดขายปลีก ของยูโรโซนที่กำลังจะประกาศออกมาในวันนี้ก็เป็นได้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเยอรมนีที่ลดลงอย่างมากในเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะส่งผลกระทบกับตัวเลขในรายงานของยูโรโซนด้วยเช่นกัน สกุลเงินที่มีความผันผวนมากที่สุดเมื่อวานนี้คือ สเตอร์ลิง ซึ่งร่วงลงไปอยู่ต่ำกว่า 1.20 เนื่องจากมีรายงานว่ารัฐสภาอาจจัดการเลือกตั้งเร็วกว่ากำหนด แต่หลังจากพรรคทอรีเริ่มเสียงแตกจนทำให้ไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากในสภาได้ สเตอร์ลิงก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิมได้ เหตุการณ์นี้อาจทำให้นายบอริส จอห์นสันต้องขอเจรจากับอียูเพื่อเลื่อนกำหนดการออกไปอีก 3 เดือนเป็นวันที่ 31 มกราคมก็เป็นได้ ซึ่งตลาดมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี