ความหมายของการกำหนดให้จีนเป็นประเทศที่ “ปั่น” ค่าเงิน

โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management

ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2019

ในช่วงตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ภายใต้การบริหารของทรัมป์จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมาที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กำหนดให้จีนเป็นประเทศที่ “ควบคุมค่าเงิน” ทางฝั่งของจีนก็ตอบโต้ด้วยการปฏิเสธว่า “ไม่ได้มีการใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือตอบโต้ข้อพิพาททางด้านสงครามการค้าแต่อย่างใด” และโจมตีการดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐฯ ว่า “จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและก่อให้เกิดความวุ่นวายกับตลาดการเงินทั่วโลก” แต่แทนที่ตลาดจะล้มครืน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ กลับไม่ร่วงลงต่อ รวมทั้งค่าเงิน หยวน ของจีนก็เริ่มทรงตัว ซึ่งก็หมายความว่าความโกลาหลต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ มีประกาศดังกล่าวออกมา เป็นที่ทราบดีว่าการกำหนดให้ประเทศใดเป็นประเทศที่มีการควบคุมค่าเงินนั้นมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์มากกว่าเชิงเศรษฐศาสตร์ เพราะเป็นการเติมเต็มคำมั่นสัญญาที่ทรัมป์เคยให้ไว้ในปี 2016 ว่าจะเอาคืนด้วยการตราหน้าจีนและสั่งให้กระทรวงการคลัง “ดำเนินการเจรจาต่อรอง” และทำงานร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากไม่สามารถหาข้อยุติได้ สหรัฐฯ สามารถที่จะใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรงขึ้นและระงับการทำธุรกิจระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับจีนได้

แม้ว่าเงินหยวนของจีนจะอ่อนค่าลงไปต่ำที่สุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาและเป็นที่ทราบกันว่าจีนได้ “จัดการ” บางอย่างกับค่าเงินของตน กระทรวงการคลังเคยกำหนดเงื่อนไขในการที่จะกำหนดให้ประเทศใดเป็นประเทศที่ควบคุมค่าเงินไว้สามข้อ แต่จีนผ่านเงื่อนไขนั้นแค่ข้อเดียว ซึ่งเงื่อนไขทั้งหมดคือ ประเทศนั้นๆ ต้องได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ, มีบัญชีเดินสะพัดเกินดุลกับประเทศทั่วโลกค่อนข้างมาก และมีการแทรกแซงค่าเงินอยู่เป็นประจำ แม้ว่าจีนจะ ได้ดุลการค้า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ อยู่ค่อนข้างมาก แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนเมื่อเทียบกับทั่วโลกเกินดุลไปเพียง 0.4% ของจีดีพีของประเทศ และในด้านของค่าเงิน จีนมักจะยอมให้ค่าเงินหยวนอ่อนมากกว่าที่จะพยายามแทรกแซงเพื่อจงใจลดค่าเงิน ไม่ว่าจะอย่างไร ขณะนี้ตลาดเริ่มเกิดความกังวลรุนแรงมากขึ้นและอาจทำให้จีนต้องรับแรงกดดันที่หนักขึ้นไปอีก

จากที่เราได้รายงานไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้น, USD/JPY และสกุลเงินหลักต่างๆ ยังมีโอกาสที่จะร่วงลงต่อไปอีกได้ วันอังคารจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักนอกจากการพักรอจังหวะที่เทขายต่อไป สิ่งที่เราได้เห็นจากจีนเป็นการบอกเป็นนัยว่าน่าจะเกิดการตอบโต้ครั้งใหญ่ซึ่งจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดทางด้านการเจรจาทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นอีกในเร็ววันนี้

ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ประกอบกับธนาคารกลางออสเตรเลียก็เริ่มที่จะแสดงท่าทีผ่อนปรนทางการเงินน้อยลงทำให้ตลาดในวันอังคารฟื้นตัวขึ้นได้ ในเยอรมนี มูลค่าสินค้าภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 2.5% จากที่คาดการณ์ไว้เพียง 0.5% ส่วนในนิวซีแลนด์ อัตราการว่างงาน ลดลงต่ำสุดในรอบ 11 ปีไปอยู่ที่ระดับ 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนซึ่งอยู่ในระดับ 4.2% รวมทั้งค่าจ้างก็ปรับสูงขึ้น ดุลการค้าที่เกินดุล ของออสเตรเลียยังมีเพิ่มมากขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือธนาคารกลางออสเตรเลียไม่ได้มีท่าทีที่จะใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้ภาษีครั้งใหม่กับจีน แต่ได้กล่าวว่าจะใช้นโยบายผ่อนปรนอีกครั้งหากมีความจำเป็น อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อว่า “นับจากวันนี้ไป เศรษฐกิจจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ”

ทางด้านของธนาคารกลางนิวซีแลนด์นั้นกำลังเตรียมการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคมไปครั้งหนึ่งแล้ว ในการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายนก็มีการชี้แจงอีกว่า “อาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกตามที่จำเป็นหากยังคงมีความเสี่ยงเกิดขึ้น” ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมของสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก, ปริมาณความต้องการภายในประเทศ, ราคาที่อยู่อาศัย รวมทั้งการลงทุนในภาคธุรกิจ เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวจะเห็นว่า การใช้จ่ายมีปริมาณลดลงตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ราคาที่อยู่อาศัยก็ปรับลดลง สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีแนวโน้มว่าจะแย่ลง และด้วยมาตรการภาษีครั้งใหม่ที่สหรัฐฯ จะใช้กับจีนก็จะทำให้การลงทุนภาคธุรกิจน่าจะหดตัวตามไปด้วยดังจะเห็นได้จาก ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ ที่ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบปี แม้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่เมื่อดูจากการปรับลดลงของ NZD/USD นักลงทุนน่าจะเชื่อว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแน่นอน ดังนั้นคำถามสำคัญในตอนนี้ก็คือธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงให้เหลือ 1% ภายในปีนี้หรือไม่ เราคาดว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเปิดโอกาสให้มีการปรับลดลงได้อีก แต่การใช้ภาษาใน แถลงการณ์ด้านนโยบายการเงิน จะช่วยให้เราทราบถึงโอกาสที่จะเกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งได้ดียิ่งขึ้น ระดับสำคัญที่ควรจับตามองสำหรับ NZD/USD อยู่ที่ .6450

ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจของ RBNZ