Investing.com – หุ้นสหรัฐฯ ยังรักษาฐานไว้ได้ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง และผลการพิจารณาปรับนโยบายทางการเงินของเฟดที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้
ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.26% ดัชนี อุตสาหกรรม Dow Jones ขยับขึ้น 0.12% ดัชนี Nasdaq Composite บวกขึ้น 0.40% และดัชนี Nasdaq 100 เองก็ปรับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ช่วงเวลาหลังปิดตลาด หุ้นของบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้ารายใหญ่ FedEx (NYSE:FDX) ทรุดหนักหลังจาก ผลกำไร และตัวเลขคาดการณ์ต่ำเกินคาด โดยบริษัทได้ให้เหตุผลว่าธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลก โดยราคาหุ้นได้ทรุดลงไปถึง 9.3% อยู่ที่ $157.36 หากราคาหุ้นยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไปจนถึงวันพุธ ปีนี้หุ้นของ FedEx น่าจะอยู่ในแดนลบต่อไปตลอดทั้งปี
หุ้นของ Adobe Systems (NASDAQ:ADBE) ก็ปรับลงด้วยเช่นกัน แม้รายได้และ ผลกำไร จะออกมาดีกว่าผลคาดการณ์ก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดต่าง ๆ คือสภาพของโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ และบ่อน้ำมันหลังจากการโจมตีทางโดรนที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุฯ เจ้าชายอับดุลาซิส บิน ซัลมาน ได้เผยว่า ซาอุฯ สามารถกู้คืนกำลังการผลิตน้ำมันครึ่งหนึ่งของโรงกลั่นน้ำมันหลักที่อับกออิกมาได้แล้วภายในสองวัน ส่วนกำลังการผลิตน้ำมันที่เหลือน่าจะกู้คืนกลับมาได้ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
รายงานข่าวดังกล่าวกดดันให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงทันที สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ดิ่ง 5.66% อยู่ที่ $59.34 ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาเบรนท์ ทรุดลง $4.47 ราว 6.5% เท่ากับ $64.55 และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ส่งมอบในเดือนธันวาคมปรับลง $4.12 เท่ากับ $63.56 ต่อบาร์เรล
กลุ่มหุ้นพลังงานส่วนใหญ่ปรับลง โดยหุ้นที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดคือ Chesapeake Energy (NYSE:CHK), Apache (NYSE:APA) และ Halliburton (NYSE:HAL)