-ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีความผันผวนสูงส่งผลกระทบต่อราคาเม็ดพลาสติกและต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยให้มีความผันผวนตามไปด้วย
-เทรนด์รักษ์โลกและกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกที่องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนได้รณรงค์ให้ลดและเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและทดแทนด้วยบรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งนี้บรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพยังคงมีแนวโน้มเติบโตตามเทรนด์รักษ์โลกกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมาตรการลดและเลิกใช้พลาสติกรวมถึงผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อการก่อสร้างยังคงเติบโตได้จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และการพัฒนาพื้นที่ EEC ของภาครัฐ
ดัชนีผลผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเฉลี่ยปี 2562อยู่ที่ระดับ91.65หดตัวลงที่ร้อยละ-3.45(%yoy)โดยผลิตภัณฑ์พลาสติกที่หดตัวลงได้แก่กระสอบพลาสติก แผ่นฟิล์มพลาสติก พลาสติกแผ่นผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในโต๊ะอาหาร/ครัว/ห้องน้ำและถุงพลาสติกเป็นผลมาจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจคู่ค้าหลักทำให้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องชะลอตัวลง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องชะลอตัวลงตามไปด้วย รวมถึงการหดตัวของความต้องการใช้ถุงพลาสติกจากเทรนด์รักษ์โลกด้วยการลดใช้ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุสินค้าอุปโภคบริโภค
อย่างไรก็ตามบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ(ขวดกล่องลัง)และท่อ/ข้อต่อพลาสติกยังคงสามารถเติบโตได้เล็กน้อยจากความต้องการใช้เพื่อการก่อสร้างภายในประเทศเป็นสำคัญสำหรับดัชนีผลผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกในไตรมาส 1 ปี 2563อยู่ที่ระดับ 92.17 หดตัวลงที่ร้อยละ-3.22(%yoy)ซึ่งหดตัวลงอย่างต่อเนื่องตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจคู่ค้าหลักรวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อใช้ภายในประเทศและใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมาท้าให้ผลผลิตพืชผลเกษตรที่สำคัญภายในประเทศมีปริมาณลดลง จึงส่งผลให้ความต้องการใช้กระสอบพลาสติกเพื่อใช้บรรจุพืชผลเกษตรหดตัวลงตามไปด้วย
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกในไตรมาส 1ปี 2563 มีมูลค่า31,776.60 ล้านบาท หดตัวลดลงร้อยละ-2.20(%yoy)จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าหลักซึ่งสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง ได้แก่ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆแผ่นฟิล์ม/ฟอยล์/แถบพลาสติก กล่อง/หีบพลาสติก ถุง/กระสอบพลาสติกและพลาสติกปูพื้นและผนัง
ทั้งนี การส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยไปยังสหรัฐฯ กลับมีแนวโน้มขยายตัวโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆถุง/กระสอบพลาสติกแผ่นฟิล์ม/ฟอยล์/แถบพลาสติกและหลอด/ท่อพลาสติกซึ่งไทยได้รับอานิสงส์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งท้าให้สหรัฐฯ ชะลอการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากจีนและหันมานำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากไทยทดแทนจีนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ได้แพร่ระบาดไปยังทั่วทุกภูมิภาคของโลกยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลซ้ำเติมต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกเนื่องจากทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มแย่ลง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการ Lockdown ของแต่ละประเทศที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่อเนื่องเกิดการหยุดชะงัก ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2 มีแนวโน้มชะลอตัวลง
ศูนย์วิจัยธนาคารออมสินคาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยในช่วงไตรมาส 2 จนถึงสิ้นปี2563โดยมีมูลค่าความเสียหาย 3,880 ถึง 6,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น3.0%ถึง4.8% ของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยโดยผลิตภัณฑ์พลาสติกที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายมาก ได้แก่ แผ่นฟิล์ม/ฟอยล์/แถบพลาสติกและถุง/กระสอบพลาสติก
ข้อมูลจา่กศูนย์วิจัยออมสิน