โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพุธที่ 29 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. ทรัมป์สั่งให้โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ดำเนินงานต่อ
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เซ็นคำสั่งการพิเศษที่บีบบังคับให้โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ดำเนินงานต่อไปเพื่อยืนยันว่าประชาชนภายในประเทศจะมีอาหารเพียงพอ
คำสั่งดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสมาพันธ์ United Food and Commercial Workers International ของสหรัฐที่ชี้ว่าขณะนี้มีพนักงานผลิตและบรรจุหีบห่อเนื้อแปรรูป 20 รายที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา และมีพนักงานอย่างน้อย 6,500 รายที่ติดเชื้อ จึงทำให้มีการปิดโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์อย่างน้อย 22 แห่งเพื่อยับยั้งการระบาด
ความขัดแย้งระหว่างนโยบายสาธารณสุขและนโยบายทางเศรษฐกิจยังคงปรากฎให้เห็นทั่วโลก ทั้งนี้รัฐเทนเนสซีและวิสคอนซินจะเป็นรัฐล่าสุดที่ผ่อนปรนมาตรการและอนุญาตให้ธุรกิจขนาดย่อมกลับมาเปิดทำการ
2. การประชุมเฟดสิ้นสุดลงแล้ว เตรียมจับตาการแถลงข่าวของเพาเวลล์และ GDP
ธนาคารกลางสหรัฐจะสรุปการประชุมนโยบายทางการเงินเป็นระยะเวลาสองวันในเวลา 14.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก แม้ว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากในการแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เฟดมีทีท่าไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนติดลบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการดำเนินการเพื่อปรับสภาพคล่องและใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย และตลาดก็จะจับตาการแถลงข่าวของประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ในเวลา 14:30 น. ด้วยเช่นกัน
นายเพาเวลล์จะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นต่อ GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งคาดว่าเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วจะหดตัวลง 4% ถือว่าทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวก็ยังมีโอกาสได้รับการปรับเปลี่ยนอีกในอนาคต
3. ตลาดหุ้นเตรียมปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวกหลังจากสูญเสียแรงส่งเมื่อวานนี้
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับขึ้น 102 จุดหรือ 0.4% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.6% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้น 0.9%
สัญญา Nasdaq ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการประจำไตรมาสของ Alphabet หลังจากเวลาตลาดปิดเมื่อวานนี้ที่ออกมาน่าพอใจ
ตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียเมื่อคืนนี้ได้รับแรงกดดันจากรายงานหลากหลายทิศทางของบริษัทต่าง ๆ อาทิ Samsung และ Airbus แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกโดยส่วนใหญ่ ทั้งนี้ตลาดสหรัฐจะถูกทดสอบความแข็งแกร่งด้วยการรายงานผลประกอบการของ Boeing และ General Electric ซึ่งจะรายงานผลประกอบการก่อนเวลาตลาดเปิดในวันนี้
4. ผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยี
วันนี้เป็นวันสำคัญของการรายงานผลประกอบการของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี โดย Microsoft, Facebook และ Qualcomm ล้วนมีกำหนดการรายงานผลประกอบการหลังเวลาตลาดปิด
ทว่าหุ้นที่น่าจะได้รับความสนใจมากที่สุดคือ Tesla (NASDAQ:TSLA) โดยหุ้นของบริษัทค่อนข้างผันผวนในสัปดาห์นี้หลังมีรายงานว่าบริษัทพยายามที่จะกลับมาเปิดโรงงานในฟรีมอนต์ทั้ง ๆ ที่รัฐแคลิฟอร์เนียส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
ส่วนบริษัทคู่แข่งของ Tesla อย่าง Daimler, Volkswagen และ Nissan ล้วนมีผลประกอบการที่ย่ำแย่เมื่อคืนนี้ ทว่าหุ้นของ Daimler และ Volkswagen ล้วนปรับตัวขึ้นหลังจากมีการคาดการณ์ว่าทั้งสองบริษัทจะยังสามารถทำกำไรได้ตลอดทั้งปีนี้
5. ราคาน้ำมันพลิกฟื้น, รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ได้รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ที่แล้วที่สูงขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
API ได้คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจะสูงขึ้น 10 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการที่คาดว่าจะสูงขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล โดยจะมีการรายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันนี้เวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสสำหรับการส่งมอบเดือนมิถุนายนทะยานขึ้น 13% เท่ากับ $13.94 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์บวกขึ้น 2.7% เท่ากับ $23.36 ต่อบาร์เรล