🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ความกังวลเงินเฟ้อทำให้ตลาดเริ่มพูดถึงการปรับนโยบายการเงินของเฟดให้ตึงตัวมากขึ้น

เผยแพร่ 31/05/2564 17:56

เหล่าผู้วางนโยบายทางการเงินในธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตลาดลงทุนมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องที่คิดเป็นเอง ดัชนีการบริโภคพื้นฐาน (PCE Index) ซึ่งเป็นหนึ่งมาตรวัดหลักของอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับตัวเลขของเดือนมีนาคม ซึ่งตัวเลขทั้งสองนี้สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนำค่าอาหาร และราคาของตลาดพลังงานเข้ามาร่วมวัดก็พบว่าค่า PCE ในปีนี้เพิ่มขึ้น 3.6%

ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะพยายามเรียกความเชื่อมั่นในการพูดว่า “อย่างกังวลการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ นี่เป็นปรากฎการณ์ที่คาดเอาไว้อยู่แล้วและจะเป็นสภาวะที่ต้องเจอชั่วคราวเท่านั้น” แต่นักเศรษฐศาสตร์บางคนก็เห็นแย้งแล้วบอกว่าถึงเวลาที่เฟดต้องหยุดพูดคำเหล่านี้ได้แล้วเพราะตัวเลขที่เป็นหลักฐานนั้นไม่เคยโกหกใคร

แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับตัวเลขที่ปรากฎ ก่อนหน้านี้นายริชาร์ด คลาริด้า อดีตรองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เคยกล่าวหลังจากที่มีรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) รอบล่าสุดว่าในการประชุมครั้งถัดไปอาจจะมีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรมูลค่า $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน

นายแรนดัล แควเรส รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คนปัจจุบันกล่าวในงานสัมมนาที่สถาบันบรู๊คลินว่า

“มุมมองส่วนตัวที่ผมมีเกี่ยวกับการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์ที่มีมาตั้งแต่เดือนธันวาคมในตอนนี้ผมคิดว่าเพียงพอแล้วสำหรับการเพิ่มขึ้นจนถึงเป้าหมายของเฟด”

นอกจากนี้เขายังบอกว่าให้จับตาดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้อีกด้วยว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้หรือไม่ อนึ่ง การรายงานตัวเลข NFP ของเดือนเมษายนที่รายงานไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมออกมาลดลงอย่างน่าผิดหวัง ตัวเลขในเดือนเมษายนพบว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งเท่านั้น สำหรับตัวเลขการจ้างงานของเดือนพฤษภาคมที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ว่าจะออกมาที่ 675,000 ตำแหน่ง

โรเบิร์ต แคปเลน ประธานธนาคารกลางรัฐดัลลัสยังคงยืนยันให้ FOMC พิจารณาเรื่องการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรให้เร็วที่สุด สัปดาห์ก่อนเขาเน้นไปที่ประเด็นการใช้เงิน $40,000 ล้านเหรียญสหรัฐของเฟดไปกับการซื้อตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) เขามองว่าการที่เฟดใช้เงินแบบนี้ไม่ได้เป็นไปตามคำว่า “ชั่วคราว” อย่างที่เฟดชอบพูดกับสาธารณะ

แมรี่ ดาลีย์ ประธานธนาคารกลางแห่งซาน ฟรานซิสโก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า 

“สมาชิก FOMC ยึดถือคำพูดของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเป็นอย่างมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราได้ยินคำว่า “ชั่วคราว” บ่อยครั้งและย้ำอยู่บ่อยๆ แต่จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรากฎ ดูเหมือนว่าพวกเราต้องเปลี่ยนท่าทีในการสื่อสารเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมา”

เฟดกำลังให้ความสำคัญกับจุดที่ยังไม่ควรจะให้ความสำคัญหรือไม่

แพท ทูมีย์ สมาชิกพรรครีพับลิกันและผู้แทนจากรัฐเพนซิลเวเนียต้องการเห็นเฟดโฟกัสไปที่การปรับเงื่อนไขในนโยบายทางการเงินมากกว่านี้ ที่สำคัญเขายังย้ำด้วยว่าเฟดควรเอาตัวเองออกห่างจาการเมืองให้มาก และไม่เข้าข้างคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงเพราะเรื่องผิวสี ไม่งั้นการบริหารเงินสำรองของประเทศอาจถูกเข้าใจผิดว่ามีความลำเอียงทางการเมืองเกิดขึ้นได้ 

สาเหตุที่เขาวิจารณ์เช่นนี้เป็นเพราะเขาเชื่อว่าการที่เฟดยังปล่อยให้เงินเฟ้อเร่งตัวในขณะที่เอาแต่พูดว่า “เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว” เพราะต้องการสนับสนุนการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของโจ ไบเดนที่ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็ใช้เงินกระตุ้นไปในจำนวนมหาศาลแล้ว ที่สำคัญ แพท ทูมีย์ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องผิวสีมาก แม้เขาจะอยู่พรรครีพับลิกัน แต่เขาก็เป็นคนหนึ่งที่โหวตเห็นด้วยว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง

นอกเหนือจากการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ เขายังจี้ประธานธนาคารกลางสามคนอันได้แก่ นายอีริค โรเซนเก้น นายราฟาเอล บอสติค และนีล คาชคาริ ให้ส่งเอกสารสรุปการทำงานในช่วงนี้ให้กับเขาภายในสัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ทูมีย์คนเดียวที่กำลังตั้งข้อสงสัยในการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่เขาเป็นคนเดียวและคนแรกที่ดึงประเด็นเรื่องผิวสีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของเฟด

สำหรับคนนอกนั้นกำลังมองเห็นภาพที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี แต่ภายในนั้นกลับยังมีความเลื่อมล้ำปรากฎให้เห็นอยู่ และยิ่งเด่นชัดมากกว่าเดิมในยุคหลังโควิด ผู้เชี่ยวชาญบางคนออกมาเตือนว่าปัญหาเงินเฟ้อหากปล่อยให้เกิดแล้วจะส่งผลกระทบต่อคนชนชั้นล่างมากกว่าชนชั้นบน และถ้าเฟดยังใช้คำว่า “ชั่วคราว” ในการอ้างเพื่อปัดเรื่องลดความร้อนแรงของปัญหาเงินเฟ้อ การที่ทูมีย์กล่าวหาว่าเฟดก็มีส่วนร่วมในการสร้างความเลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นในสังคมก็ถือว่าสมควรแล้ว

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย