CK, CPF, STGT
A downside risk to domestic economy / Focus on export stocks
SET: คาด SET Index เปิดตลาดปรับตัวลง โดยมีปัจจัยกดดันได้แก่ การย่อตัวของราคาน้ำมัน และเหตุการณ์ COVID-19 ในประเทศโดยในเชิงกลยุทธ์ สำหรับผู้ที่ลดพอร์ตไปแล้วในกรอบแนวต้านดัชนี 1380-1400 จุด แนะนำ Wait & See และชะลอการลงทุนเพื่อรอดูพัฒนาการต่างๆต่อไป โดยเรายังคงเน้นโฟกัสไปยังการเปลี่ยนแปลงของประมาณการ EPS ปีหน้าที่ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 81.6 บาท ตราบใดที่ยังไม่มีสัญญาณปรับขึ้น ถือเป็นปัจจัยจำกัด Upside ที่สำคัญของดัชนีต่อไป Picks: ประเมิน 4 กลุ่มหุ้น Growth stock ที่น่าจะยังปรับตัว Outperform ตลาดต่อไป ได้แก่
Sensitive: มองประเด็นความเสี่ยงของการระบาด COVID-19 รอบสองในประเทศจะเป็นตัวเปิด Downside risk ให้กับเศรษฐกิจของไทยในช่วงถัดไปมากขึ้น เนื่องจากยังไม่ได้อยู่ในสมมติฐานของหน่วยงานต่างๆเท่าใดนัก ที่สำคัญสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ถือเป็นตัวสะท้อนชั้นดีว่าคนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างจะ Sensitive ต่อการ Import เชื้อ COVID-19 มาจากต่างประเทศ ดังนั้นเราจึงค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการ Travel bubble ที่ไทยต้องการจะจับคู่กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำนั้น น่าจะต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เผลอๆอาจจะไม่ได้เห็นเลยในปีนี้ด้วยซ้ำ เกิดความเสี่ยงที่หน่วยงานต่างๆจะต้องออกมาปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ลงอีก ส่งผลลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวซึ่งก็ยังเป็นกลุ่มที่เราแนะนำ ‘หลีกเลี่ยง’ ต่อไปเช่นเดิม ทั้ง สนามบิน (AOT (BK:AOT)) สายการบิน (BA, AAV) โรงแรม (AWC, CENTEL, ERW, MINT) และบริการนักท่องเที่ยวต่างๆ (SPA) Beware: ส่วนประเด็นความเสี่ยงการระบาด COVID-19 ในไทยรอบสองที่มีมากขึ้นนี้ อาจส่งผล Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มอื่นๆนอกเหนือจากกลุ่มท่องเที่ยวข้างต้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่อาจเสียประโยชน์หากการ Lockdown กลับมาเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง และทำให้ผู้คนลดระดับการออกจากบ้าน อาทิ
Beneficiaries:ในทางกลับกัน ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ปรากฏการณ์ WFH ในประเทศเริ่มกลับมาอีกครั้ง รวมถึงยกระดับความระมัดระวังของผู้คน ซึ่งก็อาจจะส่งผล Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นบางกลุ่มได้เช่นกัน อาทิ
|
กลุ่มกักตุนสินค้า ได้แก่ BJC, CPALL (BK:CPALL), MAKR
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
♦SET INDEX แรงขายยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบ