Investing.com -- ราคาทองคำปรับตัวลงเมื่อวันพุธแต่ยังคงยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1,900 ดอลลาร์ หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ขยายตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนมากพอที่กล่าวว่าจะเปลี่ยนแนวโน้มด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางได้อย่างมาก
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1,932.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงเพียง 2.60 ดอลลาร์หรือ 0.05%
ราคาทองคำสปอต ซึ่งมีผู้ค้าบางรายติดตามอย่างใกล้ชิดกว่าฟิวเจอร์ส อยู่ที่ 1,909.03 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 14:55 น. ET (18:55 GMT) ลดลง 4.46 ดอลลาร์หรือ 0.2% ช่วงต้นของเซสชั่น ทองคำสปอต ร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1,905.88 ดอลลาร์ — น้อยกว่า 5 ดอลลาร์จากที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์
“ตลาดกระทิงทำให้ราคาทงอคำร่วงทะลุลงไปต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์” Sunil Kumar Dixit ผู้เชี่ยวชาญแผนภูมิราคาทองคำแท่งจาก SKCharting.com กล่าวว่า “ความท้าทายหลักสำหรับตลาดกระทิงคือการกลับมาที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 50 วัน ที่ 1,928 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของโมเมนตัม”
ทองคำร่วงลงเนื่องจากราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ไต่ขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เติบโต 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงานเมื่อวันพุธที่สร้างแรงกดดันต่อการต่อสู้เงินเฟ้อของธนาคารกลาง
“การซื้อขายทองคำกำลังประเมินจากรายงานเงินเฟ้อฉบับนี้ และเริ่มมองเห็นช่องโหว่ในระบบเศรษฐกิจ” เอ็ด โมยา นักวิเคราะห์จากแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ OANDA กล่าว
“ในท้ายที่สุดแล้ว ทองคำอาจต้องรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป ข่าวเศรษฐกิจที่แย่กำลังจะกลายเป็นข่าวดีอีกครั้งสำหรับทองคำ Wall Street ใกล้จะถึงจุดพีคของเงินดอลลาร์แล้ว”
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐอเมริกา ซึ่งวัดโดย ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่มากกว่า 9% ในเดือนมิถุนายน 2022 ก่อนที่จะตกลงไปต่ำสุดที่ 3.0% ภายในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราคาน้ำมันก็เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 0.7% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงได้กระทบต้นทุนเชื้อเพลิงในประเทศ
“ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีสินค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3.7 เปอร์เซ็นต์” กระทรวงแรงงานระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ “ดัชนีน้ำมันเบนซินเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้รายการทั้งหมดเพิ่มขึ้นทุกเดือน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้น”
เฟดคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้สัปดาห์หน้า
ในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5.25% จากฐานเพียง 0.25% ในเดือนมีนาคม 2022 โดยมีกำหนดจะตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในการประชุมนโยบายในวันที่ 20 กันยายน
การคาดการณ์ทันทีของนักเศรษฐศาสตร์หลังจากการเปิดเผยตัวเลข CPI ล่าสุด บ่งชี้ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้คงเดิมหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คิดว่าธนาคารกลางจะเลือกขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นอย่างน้อยก่อนสิ้นปี ทั้งในการประชุมนโยบายเดือนพฤศจิกายนหรือในเดือนธันวาคม
หลังจากการเปิดเผยข้อมูล CPI “แนวโน้มการปรับขึ้นในเดือนกันยายนลดลงเหลือ 5% แต่เดือนธันวาคมยังคงทรงตัว” ที่ 53% นักเศรษฐศาสตร์ Adam Button กล่าวในฟอรัม ForexLive
ราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น และผลกระทบต่อต้นทุนน้ำมันเบนซินที่ปั๊มของสหรัฐฯ อาจผลักดันให้เฟดกลับมาขึ้นอัตราอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่ธนาคารกลางดูเหมือนตั้งใจที่จะปล่อยให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาเพื่อดำเนินการลดอัตราเงินเฟ้อ
ราคาน้ำมันทั่วโลกแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 92.83 ดอลลาร์สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ และ 89.64 ดอลลาร์สำหรับน้ำมันดิบสหรัฐ WTI ในวันพุธ ซึ่งราคานั้นตอบสนองต่อการปิดกั้นการผลิตของผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
(Ambar Warrick มีส่วนร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้)