ทิศทางตลาดจะเป็นอย่างไร หลังเผยข้อมูลจ้างงาน?

Investing.com - สัปดาห์แรกของเดือนก.ค.เริ่มต้นขึ้นโดยนักลงทุนเริ่มสับสนเล็กน้อย หลังเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐเมื่อวันศุกร์ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทำสถิติสูงสุดใหม่

การปรับตัวขึ้นนี้เกิดขึ้นหลังจากครึ่งปีแรกอันน่าตื่นเต้น ซึ่งดัชนี S&P 500 ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ปี 1998 แต่เมื่อขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าใครหรืออะไรบ้างที่จะสามารถขับเคลื่อนตลาดหุ้นให้ขึ้นต่อไปได้อีก

การที่บรรดากองทุนรวมมีอัตราส่วนสภาพคล่องที่เกือบต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษและเหล่าผู้บริหารสินทรัพย์ก็มีแนวโน้มเริ่มจะเทขายMorgan Stanley (NYSE:MS) กล่าวว่า นักลงทุนรายย่อยจะกลายมาเป็นผู้ซื้อหลัก ๆ ในตลาด โดยมีประมาณการณ์ว่านักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นสหรัฐมูลค่ากว่า 170 พันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

ดังนั้น เมื่อวอลล์สตรีทปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ ตลาดหุ้นทั่วโลกจึงดูไร้ทิศทางเล็กน้อย ในขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังมีการเผยแพร่รายงานการจ้างงานในสหรัฐเมื่อวันศุกร์

ตลาดฟิวเจอร์สของยุโรปบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการแพร่กระจายของโควิดสายพันธุ์เดลต้าทำให้เกิดความกังวลก่อนเทศกาลวันหยุดฤดูร้อนที่สำคัญ ในเอเชีย ดัชนี Nikkei 225 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในโตเกียวเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในภาคใต้ของจีนก็ทำให้การเติบโตในภาคบริการของประเทศชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในเดือนมิถุนายน 

ตลาดน้ำมันยังให้ความสำคัญกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจากความขัดแย้งของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหญ่เร่งปริมาณการผลิตเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ขณะที่การหารือภายในกลุ่มกำลังดำเนินต่อไปในวันนี้

ทางด้านบริษัทต่าง ๆ เราต้องจับตาดูบริษัท Didi Global Inc ADR (NYSE:DIDI) หลังจากที่บริษัทเรียกรถยักษ์ใหญ่ของจีนเตือนว่า กฎระเบียบที่สั่งให้นำแอปของตนออกจาก App Store อาจส่งผลเสียต่อรายได้

สำหรับสัญญาณแห่งความหวังของภาคการท่องเที่ยว กลุ่มนักลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้เสนอราคาซื้อสนามบินซิดนีย์เป็นมูลค่า 16.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย

ประเด็นสำคัญที่ช่วยนักลงทุนวิเคราะห์ทิศทางของตลาด ได้แก่:

- จีน: การเติบโตของภาคบริการในเดือนมิถุนายน ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน

- ความพร้อมของธนาคารกลางญี่ปุ้นในการผ่อนคลายนโยบาย เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโควิด

- ฝรั่งเศส: ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม

- ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สหภาพยุโรป: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนมิถุนายน

- การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอิสราเอล

- แถลงการณ์จากธนาคารกลางยุโรปโดยแอนเดรีย เอ็นเรีย และ หลุยส์ เดอ กินโดส์

- ตลาดสหรัฐปิดเนื่องในวัน Independence Day (4 กรกฎาคม)

- การคาดการณ์ด้านเศรษฐกิจจากธนาคารกลางแคนาดา