โปรดลองค้นหาใหม่อีกครั้ง
ภาวะความตึงเครียดในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงดึงดูดความสนใจของตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลประกอบการและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ จะเป็นไปในทิศทางทีดีอยู่ก็ตาม ทั้งที่จริงแล้วนั่นคือปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้ในวันศุกร์ พร้อมทั้งยังมีสัญญาณที่ดีมาจากทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และทางการจีนเกี่ยวกับทางออกของข้อตกลงทางการค้า แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังยืนยันที่จะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าบางอย่างของจีนจาก 10% เป็น 25% ก็ตาม
สำหรับการซื้อขายในภาพกว้าง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวกลับมาได้หลังจากที่มีการเทขายตอนที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนในช่วงแรก ค่าเฉลี่ยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ไต่ขึ้นมาได้ 114 จุดในการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.37% และ NASDAQ คอมโพสิต ไต่ขึ้นไปได้ 0.8% อย่างไรก็ตามยังคงคาดเดาไม่ได้ว่าในสัปดาห์หน้า เหตุการณ์จะยังคงเป็นแบบเดิมหรือไม่ เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ อีกมากมายหากจีนมีการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
ในระหว่างที่ยังคงมีความกังวลนี้ นักลงทุนกำลังจะได้รับทราบผลประกอบการของบริษัทสำคัญๆ ที่กำลังจะประกาศออกมา โดยเรามีบริษัทที่แนะนำให้จับตามอง 3 บริษัทดังนี้
Tilray เป็นบริษัทผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์ในบริติชโคลัมเบีย (NASDAQ:TLRY) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกในวันอังคารที่ 14 พฤษภาคมหลังปิดตลาด นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน $0.27 ต่อหุ้น โดยมียอดขายอยู่ที่ 20.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทตั้งความหวังที่จะครอบครองส่วนแบ่งตลาดกัญชาให้ได้หลังจากที่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แคนาดากลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตให้บริโภคกัญชาเพื่อนันทนาการได้
บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ในปี 2019 เป็นสามเท่าจาก ปีที่แล้ว ที่ 43 ล้านเหรียญ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากกลุ่ม Manitoba Harvest ที่บริษัทเข้าครอบครองเมื่อเร็วๆ นี้ ร่วมกับความสามารถของบริษัทเองในการขยายความต้องการผลิตภัณฑ์ CBD ที่เป็นผลผลิตจากกัญชาซึ่งคล้ายกันกับ THC แต่ไม่ทำให้มึนเมา
แต่นักลงทุนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นของบริษัทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานัก ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นไป 400% ช่วงปลายปี 2018 หลังการเปิดจำหน่าย IPO ในปีที่แล้วจนครั้งหนึ่งเคยไปแตะที่ $300 ต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หุ้นของ Tilray มีการซื้อขายกันต่ำกว่า $50 ในช่วงปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา
เราเห็นว่า Tilray น่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมกัญชาในระยะยาว แต่อาจจะยังมีผลประกอบการที่ยังไม่กำไรต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากบริษัทต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างหนักในการขยายกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้น
บริษัท Nvidia (NASDAQ:NVDA) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของสหรัฐฯ จะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2019 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคมหลังปิดตลาด นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าบริษัทน่าจะทำกำไรได้ $0.79 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วที่ $2.05 โดยยอดขายน่าจะลดลง 31% ไปอยู่ที่ 2,020 ล้านเหรียญ
หลังจากที่มีการเทขายหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อย่างหนักช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 นักลงทุนต่างจับตามองสัญญาณว่าเมื่อใดจึงจะมีความต้องการทางด้านผลิตภัณฑ์เกมและศูนย์ข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทเกิดขึ้นและจะส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวได้อีก ราคาหุ้นของบริษัทช่วงปิดตลาดวันศุกร์อยู่ที่ $168.82 สูงขึ้นจากราคาต่ำสุดเมื่อเดือนธันวาคมประมาณ 30%
แต่ราคาหุ้นของบริษัทก็ยังคงต่ำกว่าราคาที่เคยขึ้นไปสูงที่สุดอยู่เกือบ 40% ที่ $292.76 ในช่วงปลายเดือนกันยายน หลังจากที่ความต้องการลดน้อยลงอย่างมากในปีก่อนหน้าที่บริษัทมีการประกาศลด ประมาณการเติบโต ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราคาดว่าหุ้นของ Nvidia ยังไม่น่าจะขึ้นไปแตะราคาสูงสุดของปีก่อนได้ตราบใดที่ปัญหาการเจรจาทางการค้ากับจีนยังคงดำเนินอยู่
นายควิน โบลตัน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านเซมิคอนดักเตอร์จาก Needham เผยในรายงานเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า "บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยังทำรายได้ค่อนข้างมากจากการส่งออกไปยังจีน” “การที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังจีนนั้นถือว่าได้รับความเสี่ยงสูงมากจากมาตรการที่สหรัฐฯ ใช้ในการเจรจาทางการค้ากับจีนในครั้งนี้มากกว่าอุตสาหกรรมในเทคโนโลยีด้านอื่นๆ”
บริษัท Pinterest (NYSE:PINS) ในซานฟรานซิสโกจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดีนี้หลังเปิดทำการซื้อขายต่อสาธารณะมาตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขาดทุน $0.15 ต่อหุ้น โดยมียอดขายอยู่ที่ 200.4 ล้านเหรียญ
ในช่วง เปิดจำหน่าย IPO บริษัท Pinterest ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการสร้างบอร์ดดิจิทัลประกาศว่ามีรายได้ประมาณ 756 ล้านเหรียญจากการโฆษณาออนไลน์ในปี 2018 คิดเป็นอัตราการเติบโต 60% จากปีก่อนหน้า การขาดทุนลดลงจาก 130 ล้านเหรียญในปี 2017 เหลือ 63 ล้านเหรียญในปี 2018 บริษัทยังอ้างว่ามีผู้ใช้สมุดภาพใน Pinterest อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน มากถึง 265 ล้านคน
หลังจากราคา IPO พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ $35.29 หุ้นของ Pinterest ก็ตกลงไปกว่า 15% ไปปิดที่ $29.05 ต่อหุ้นในวันศุกร์ นักวิเคราะห์บางรายยังคงกังวลในศักยภาพการเติบโตในด้านผู้ใช้งานการตลาดเชิงดิจิทัลอยู่ เนื่องจากบริษัทต้องสู้กับบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook (NASDAQ:FB) และแอปในเครืออย่าง Instagram รวมทั้ง Youtube ของ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ด้วย ซึ่งทั้งสองบริษัทดังกล่าวก็เป็นผู้ครองส่วนแบ่งหลักของการใช้จ่ายสำหรับการโฆษณาในอุตสาหกรรมนี้อยู่แล้ว
ส่วน Pinterest ผู้ให้บริการบอร์ดดิจิทัลและการเสนอรูปภาพและแนวคิดสำหรับเฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น งานแต่งงาน สูตรอาหาร และอื่นๆ กล่าวว่าบริษัทให้บริการในสิ่งที่มีความแตกต่างและมีแพลตฟอร์มเฉพาะที่เหมาะกลุ่มเป้าหมายมากกว่าผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสังคมออนไลน์เจ้าอื่น ราคาหุ้นของ Pinterest อาจเหวี่ยงกลับขึ้นไปได้หากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ใช้และรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมามีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น