ถาม-ตอบ ประจำสัปดาห์กับ เคลมองต์ #3

สัปดานี้ Clement จะพูดคุยถึงสาเหตุที่ดัชนี S&P 500 มีการเปลี่ยนแปลง เวลาใดควรหลีกเลี่ยงการลงทุน การลงทุนทีดีที่สุดและอธิบายเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มเทคโนที่มีความเสี่ยง 

หุ้นดัชนี S&P 500 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและบ่อยแค่ไหน?

ดัชนี S&P 500 มีคณะกรรมการดัชนีที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าหุ้นตัวใดที่ควรอยู่หรือไม่อยู่ในกลุ่มของดัชนีชั้นนำนี้ และทำการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เมื่อคณะกรรมการคิดว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น

การตัดสินใจของคณะกรรมการ ถึงแม้จะยึดตามกฎข้อบังคับ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ค่าพื้นฐานของมูลค่าตามราคาตลาดไม่ใช่ค่าชี้วัดเพียงอย่างเดียว และคณะกรรมการมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้มีการประเมินตัดสินในการคัดหุ้นเข้าหรือออก

ในส่วนที่เกี่ยวกับความถี่ในเปลี่ยน ถ้าดูจากช่วงสามปีที่ผ่านมานั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงดัชนีประจำปีระหว่าง 20 ถึง 30 หุ้น บางกรณีเป็นการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมูลค่าตามราคาตลาด แต่โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการซื้อกิจการและการควบกิจการ

ที่น่าสนใจก็คือ พรุ่งนี้ดัชนี S&P 500 จะเพิ่มหุ้นตัวใหม่ นั่นคือ Teleflex ขณะเดียวกันจะลบหุ้นอื่นออก นันคือ PG&E เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้คือเนื่องจากการฟ้องร้องคดีล้มละลายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัท PG&E ในวันที่ 29 มกราคมนี้

เมื่อใดฉันควรหลีกเลี่ยงการลงทุน?

มีสองสามสถานการณ์ซึ่งเราไม่แนะนำให้ควรลงทุน อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ส่วนตัวของคุณเองมากกว่าสถานะของตลาด

คุณควรหลีกเลี่ยงการลงทุนหากคุณไม่มีเงินสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉิน แม้ว่าการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญแต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีเงินเพียงพออยู่ในมือที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับสองสามเดือนข้างหน้าหากสถานการณ์ใดก็ตามเกิดขึ้นกับคุณหรือกับญาติสนิทของคุณ ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า

อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่ควรลงทุนคือหากเงินที่คุณมีเป็นเงินที่มุ่งหมายเพื่อการซื้อสินค้าหรือค่าใช้จ่ายที่วางแผนไว้ในปีที่จะมาถึง การลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ล้วนมีความเสี่ยงและหากตลาดประสบปัญหาคุณไม่ต้องการขายในราคาขาดทุนเนื่องจากคุณต้องการเงิน การขาดทุนคิดเป็นค่าเปอร์เซนต์เล็กน้อยจากภาวะเงินเฟ้อมักถือว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า

โดยทั่วไป คุณควรลงทุนแต่ที่สำคัญจะต้องรู้ว่าสถานการณ์บางอย่างในชีวิตส่วนตัวของคุณต้องการการเอาใจใส่ที่มากกว่าและโดยทันที การมีความมั่นคงทางการเงินจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลงทุนที่ประสบผลสำเร็จและมีความเครียดน้อยกว่า

เหตุใดหุ้นกลุ่มเทคโนจึงถือว่ามีความเสี่ยง?

มีประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า - ยิ่งหุ้นกลุ่มเทคมีค่าสูงขึ้นจากความคาดหวังสูงสำหรับอนาคตเท่าใด หุ้นเหล่านี้ยิ่งสามารถมีค่าต่ำลงได้มากเท่านั้นเมื่ออนาคตไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

อธิบายแบบละเอียดก็คือ หุ้นถูกกำหนดมูลค่าตามความคาดหวังในอนาคต - ไม่ใช่ตามผลลัพธ์ในปัจจุบันของหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ในอัตราส่วน PE ของหุ้น อัตราส่วน PE จะบอกคุณให้ทราบเกี่ยวกับจำนวนเท่าของผลตอบแทนประจำปีในปัจจุบันที่คุณกำลังซื้อหุ้นบริษัท

หุ้นกลุ่มเทคมักถูกมองว่าเป็นหุ้น ‘อนาคต’ หุ้นที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง ด้วยเหตุผลดังกล่าว Netflix กำลังมีการเทรดหุ้นในอัตราส่วน PE ที่ 250 ซึ่งหมายความว่าการซื้อหุ้นบริษัทในปัจจุบันคุณจะต้องจ่ายในอัตรา 250 เท่าของผลตอบแทนของหุ้นซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก (ปัจจุบันอัตรา PE โดยเฉลี่ยของหุ้นนดัชนี S&P อยู่ที่ระดับ 20)

ยิ่งความคาดหวังสูงเท่าใด ราคาที่คุณต้องจ่ายยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ความเสี่ยงจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ยกตัวอย่าง กรณีของ Netflix มีบางไตรมาสที่ Netflix มีผลประกอบการต่ำกว่าความคาดหวังของนักวิเคราะห์ และหุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 10% ในช่วงการเทรดเดียวซึ่งเป็นการตกของหุ้นอย่างมีนัยสำคัญมาก หุ้นที่ได้รับการกำหนดมูลค่าสูงเนื่องจากมีความคาดหวังในอนาคตไว้สูงมาก (ในลักษณะที่คล้ายกับหุ้นกลุ่มเทค) มีโอกาสที่จะร่วงได้และดังนั้นจึงมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ

แน่นอนว่าการลงทุนนั้นเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลตอบแทน รางวัลตอบแทนที่บริษัทกลุ่มเทคให้นั้นถือว่าสูงกว่าบริษัททั่วไป เช่นเดียวกับระดับความเสี่ยงเมื่อลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้

หากคุณมีคำถามส่วนตัวที่ต้องการให้ Clement ตอบคำถามของคุณ โปรดแสดงไว้ในคอมเมนต์ของคุณด้านล่างหรือส่งคำถามของคุณไปยัง Clementโดยตรงผ่านทางทวิตเตอร์ - @ClemThibault

คำถามและคำตอบก่อนหน้านี้ (2)