โปรดลองค้นหาใหม่อีกครั้ง
บางครั้งนักลงทุนต้องเผชิญกับคำถามที่พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรหากคุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการแตกหุ้นหรือเมื่อหุ้นถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์เราได้รวบรวมบทสรุปแบบง่ายๆที่คุณสามารถใช้สำหรับตัวเองหรือให้ความรู้แก่ผู้อื่น
การแตกหุ้นจะเกิดขึ้น ในกรณีที่บริษัทหนึ่งตัดสินใจว่ามูลค่าของหุ้นของบริษัทมีราคาสูงเกินไป และบริษัทต้องการให้ราคาหุ้นนั้นดูเหมือนจับต้องได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความต้องการในหุ้นดังกล่าว (และมักทำให้ราคาหุ้นโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นด้วย)
เมื่อทำการแตกหุ้น มูลค่าหุ้นจะแตกออกเป็นดังนี้ การแตกหุ้นแบบ 2-1 หมายถึง สำหรับทุกหุ้นที่คุณเคยมีอยู่ ตอนนี้คุณมี 2 หุ้นโดยแต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่ากับ 50% ของราคาหุ้นเดิม การแตกหุ้นแบบ 3-2 หมายถึง สำหรับหุ้นทุก 2 ตัวที่คุณเคยมีอยู่ ตอนนี้คุณจะมีทั้งหมด 3 หุ้น แต่ละตัวจะมีมูลค่าเท่ากับ 66% ของราคาเดิม เป็นต้น
การรวมหุ้น (reverse spilt) เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการแตกหุ้น (spilt) ซึ่งหมายความว่าในกรณีการรวมหุ้นแบบ 1-10 นักเทรดหุ้นที่มีหุ้นจำนวน 1,000 หุ้ นตอนนี้จะเหลือหุ้นอยู่แค่ 100 หุ้น แต่ว่าแต่ละหุ้นจะมีมูลค่าเป็น 10 เท่าของมูลค่าหุ้นก่อนรวมหุ้น ยุทธวิธีนี้มักนำมาใช้เมื่อมูลค่าหุ้นของบริษัทต่ำกว่าเกณฑ์พื้นฐานระดับใดระดับหนึ่ง และบริษัทกังวลว่าอาจทำให้ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ หากภายหลังการรวมหุ้นนักลงทุนมีจำนวนหุ้นต่ำเกินไปที่จะรวมหุ้น พวกเขาจะได้รับเงินสดเทียบเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตน “สูญเสีย” ไป
การหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว เป็นการตัดสินใจที่กระทำโดยตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้หยุดซื้อขายหุ้นบางรายการเป็นการชั่วคราว เพื่อให้แน่ใจว่ามีเงื่อนไขการซื้อขายอย่างเป็นธรรมหรือปรับสมดุลระหว่างคำสั่งซื้อและคำสั่งขาย อีกองค์กรหนึ่งที่สามารถออกคำสั่งหยุดซื้อขายชั่วคราวนี้ได้ คือ คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งสามารถออกหนังสือคำสั่งหยุดการซื้อขายชั่วคราวได้สูงสุดสิบวัน หากพิจารณาเห็นว่าการซื้อขายหุ้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินแก่สาธารณะได้ โดยปกติมักดำเนินการในมาตรการนี้กรณีบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไม่สามารถออกเอกสารรายการเดินบัญชีทางการเงินประจำปีหรือรายงานรายไตรมาสของบริษัทได้
หุ้นจะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์กรณีไม่เป็นไปตามข้อกำหนดการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่ง จะมีข้อกำหนดด้านการจดทะเบียนหลักทรัพย์ที่แตกต่างกัน เช่น ราคาหุ้นขั้นต่ำ จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่เสนอขาย ฯลฯ การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้จะส่งผลให้หุ้นนั้นถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์
หุ้นที่ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์สามารถซื้อขายได้บนบอร์ด Over-the-Counter Bulletin Board (OTCBB) หรือ ผ่านทางระบบซื้อขายนอกตลาด (pink sheet) นอกจากนี้ หุ้นที่ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ยังสูญเสียมูลค่าอย่างมากเนื่องจากการถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่ำลง และมักถูกมองกำลังจะก้าวไปสู่เส้นทางของการล้มละลาย
เมื่อมูลค่าหุ้นลดลงสู่ระดับ 0 ผลกระทบที่ตามมานั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณถือหุ้นอยู่ใน ฐานะซื้อ (long position) หรือฐานะขาย (short position) ในการเทรดแบบฟิวเจอร์ส หากคุณถือหุ้นในฐานะซื้อ (long) การลงทุนของคุณกำลังดิ่งสู่ค่า 0 ไปพร้อมกับหุ้นตัวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากคุณถือหุ้นในฐานะขาย (short) นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีมากเนื่องจากคุณจะสามารถทำกำไรได้ 100% ในหุ้นดังกล่าว
Source: tenor.com
หุ้นที่ถูกขายมากเกินไปเป็นหนึ่งสิ่งที่นักวิเคราะห์รู้สึกว่าซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าจริง สถานการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นศรัทธาในบริษัทหรืออุตสาหกรรมขณะที่นักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์สามารถเห็นได้ว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร ( price-earnings ratio หรือ P/E) ได้ดิ่งลงต่ำกว่าค่าระดับของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือดัชนี
หุ้นที่ถูกซื้อมากเกินไปเป็นหนึ่งสิ่งที่นักวิเคราะห์รู้สึกว่าซื้อขายเกินมูลค่าจริง โดยคาดว่าหุ้นที่ถูกซื้อมากเกินไปจะเจอกับสถานการณที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวกลับมา ตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดในที่นี้ คือ เมื่ออัตรา P/E มีค่าสูงเกินค่าระดับของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือดัชนี
ตลาด OTC เป็นเครือข่ายของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อขายหุ้นราคาต่ำ ไม่เหมือนกับในตลาดหลักทรัพย์ อย่าง Nasdaq หรือ NYSE เมื่อบริษัทหนึ่งตัดสินใจที่จะย้ายไปสู่ตลาดหลักทรัพย์หลัก อันดับแรกบริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการจดทะเบียนหลักทรัพย์ของตลาดหลังทรัพย์แห่งดังกล่าว (มูลค่าหลักทรัพย์ขั้นต่ำ/ปริมาณของหลักทรัพย์ที่เสนอขาย ฯลฯ)
มีเหตุผลต่าง ๆ มากมายว่าเหตุใดบริษัทแห่งหนึ่งจึงเลือกที่จะย้ายไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งอื่นแต่เหตุผลหลักคือเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและความเป็นที่รู้จักของบริษัทต่อสาธารณชน
เมื่อหุ้นถูกเพิ่มเข้าไปในดัชนี เช่น S&P 500 หรือ DJIA ความเป็นที่รู้จักของสาธารณชน สภาพคล่อง และปริมาณการซื้อขาย พร้อมทั้งราคามักจะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ในทางกลับกัน นั่นหมายความว่าจะมีหุ้นตัวอื่นที่ถูกถอดออกจากดัชนี
เมื่อบริษัทหนึ่งประกาศภาวะล้มละลาย บริษัทจะต้องขายสินทรัพย์ทอดตลาดเพื่อจ่ายคืนหนี้สิน ในบรรดาเจ้าหนี้ต่าง ๆ ศาลจะมีคำสั่งว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่ได้รับการชำระหนี้ก่อน
เป็นเรื่องสำคัญที่จะพึงทราบว่า ผู้ถือหุ้นสามัญไม่ค่อยมีโอกาสจะได้รับการชำระเนื่องจากเงินส่วนใหญ่ที่มีอยู่มักต้องจ่ายให้แก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ ก่อน หากยังสามารถจ่ายชำระผู้ถือหุ้นสามัญได้ ก็จะได้รับการจ่ายเงินชดเชยโดยอิงจากสัดส่วนของความเป็นเจ้าของในหุ้นของบริษัท
อ่านบทความนี้แล้ว คุณพอจะได้คำตอบที่มองหาอยู่หรือไม่? หรือมีประเด็นอื่น ๆ ที่คุณต้องการรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของหุ้นอีกไหม? อย่าลืมบอกให้เรารู้ผ่านข้อความในคอมเมนต์ด้านล่างนี้
คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการบล็อก %USER_NAME%?
เมื่อทำการบล็อก คุณและ %USER_NAME% จะไม่สามารถเห็นโพสต์ของแต่ละฝ่ายบนเว็บไซต์ Investing.com ได้
%USER_NAME% ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน Block List ของคุณแล้ว
เนื่องจากคุณเพิ่งยกเลิกการบล็อกบุคคลนี้ คุณต้องรอ 48 ชั่วโมงก่อนการบล็อกอีกครั้ง
ฉันรู้สึกว่าความคิดเห็นนี้
ขอบคุณ!
รายงานของคุณได้ถูกส่งไปยังผู้ดูแลบอร์ดของเราเพื่อการทบทวน
แสดงความคิดเห็น
เราสนับสนุนให้ท่านได้ใช้ช่องทางการแสดงความคิดเห็นนี้เพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับผู้ใช้เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนในทัศนคติและสอบถามข้อสงสัยกับผู้เขียนและสอบถามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่เราทุกคนต้องการและคาดหวังดังนี้กรุณาพึงระลึกในข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ผู้ที่โพสต์เนื้อหาข้อความสแปมหรือใช้เว็บไซต์นี้ไปในทางผิดจะถูกลบรายชื่อทิ้งจากเว็บไซต์และถูกปิดกั้นการลงทะเบียนเป็นสมาชิกในอนาคตซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของเว็บไซต์ Investing.com