รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หวังเม็ดเงินใหม่ หนุนหุ้น ESG ถูก SHORT เยอะๆ 

เผยแพร่ 14/11/2566 09:29

ตลาดหุ้นสหรัฐทรงๆ หลังนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ต.ค. ตลาด คาด 3.3%YOY (ต่ำกว่าเดือนก่อน 3.7%YOY) ส่วนหุ้นจีนเริ่มฟื้น หลัง PBOC เตรียมเพิ่มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจจำนวน 9.5 แสนล้านหยวน ผ่านการปล่อย สินเชื่อระยะกลางรวมถึงสีจิ้นผิงพบไบเดนนอกรอบประชุมเอเปกพุธนี้

กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย ในช่วง 2 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ปรับตัวลงมาแล้ว -11% และ UNDERPERFORM กว่าตลาดหุ้นโลกมาก อีกทั้งยังมีปริมาณ SHORT SELL เฉลี่ยสูงถึง 5.1 พันล้านบาทต่อวัน (สัดส่วน 11.1% ของมูลค่าซื้อขาย) และ สูงกว่าช่วง COVID ก่อนมีกฎ UPTICK ที่ SHORT SELL เฉลี่ย 3.9 พันล้านบาท ต่อวัน (สัดส่วน 6.0% ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น) ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตกหนัก ส่วนวันนี้รอผลสรุป เรื่องจัดตั้ง ESG FUND เข้ามาสร้างเสถียรภาพระยะยาว ให้กับตลาด ซึ่งถ้าเงื่อนไขต่างๆ คล้ายคลึงกับกองทุน LTF และสามารถออกมาได้ ภายในปีนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยได้ราว2 –7 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะหุ้น 114 บริษัทใน SETESG INDEX

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหาหุ้นใน SETESG ที่ถูก SHORT SELL เยอะๆ มี โอกาสได้เม็ดเงินใหม่หนุน พร้อมกับถูก COVERED SHORT ด้วยอีกแรง อาทิ EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC, HMPRO, GULF, CPALL (BK:CPALL), CRC, SCC, MINT, SIRI ฯลฯ ส่วนวันนี้ประเมิน SET INDEX ขยับตัวในกรอบ 1380 – 1400 จุด หุ้น TOP PICK เลือก SIRI, SCGP และ PTTGC

เม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หลังปัจจัยแวดล้อมทรงตัว

วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวในกรอบแคบราว -0.1% ถึง +0.2% เนื่องจากอยู่ในช่วง WAIT & SEE การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค. ในวันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 20.30 น. โดย CONSENSUS คาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ 3.3%YOY ขณะที่เงินเฟ้อเดือน ก.ย. อยู่ที่ 3.7%YOY

ในอีกแง่มุมหนึ่งเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ยังมีแนวโน้มชะลอตัว ภายใต้สมมติฐาน CPI GROWTH รายเดือนเท่ากับเดือน ก.ย. ที่ระดับ 0.4%MOM อีกทั้งยังมีแรงกดดัน มาจากราคาน้ำมันที่หดตัว โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ในเดือน ต.ค. ไม่ไดขยายตัวมาก เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงภายในเดือนยังย่อตัวลงราว -10.8% ทั้งนี้ ภาวะเงินเฟ้อ สหรัฐที่ทยอยปรับตัวลงเรื่อยๆ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ FED หยุดขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และอาจเห็นภาพการปรับลดดอกเบี้ยในได้ในปี 2024

ในส่วนของประเด็นบ้านเราวานนี้ FITCH RATINGS ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของ ไทยไว้ที่ BBB+ และยังคง OUTLOOK อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ หลักๆ มาจาก เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต่เนื่อง โดย FITCH คาด GDP ไทยปี 2566 โต 2.8%YOY และปี 2567 โต 3.8%YOY ด้วยแรงหนุนของภาคส่งออกและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาครัฐ นอกจากนี้ฐานะทางการเงินและการคลังของไทยยังถือว่าแข็งแกร่ง ทั้งนี้ภาวะ ดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้เงินบาทชะลอการอ่อนค่าลงได้

สรุป คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุน ให้ FED ยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นได้ ขณะที่ประเด็นภายในประเทศยังไม่ได้มีปัจจัยเชิงลบ เข้ามากดดัน ทั้งนี้ปัจจัยแวดล้อมที่ดูผ่อนคลายลง เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้เม็ดเงินไหล เข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

กองทุนพยุงหุ้น อาจกลับมาหนุนมูลค่าซื้อขายคึกคักอีกครั้ง

ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66-ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงแรงกว่า -179 จุด หรือ - 11.4% จนล่าสุดปิดที่ระดับ 1387.13 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งโดนกดดันมาจากการ SHORT SELL หุ้นรายตัว สังเกตได้จากการปรับตัวลงแรงของหุ้นในแต่ละวันของช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ถูก SHORT SELL มากสุด (ก.ย. 23 – ปัจจุบัน) คือ PTT (BK:PTT), PTTEP-R, BDMS, AOT (BK:AOT), DELTA-R, PTTEP, ADVANC, SCB-R, CPALL, AOT-R, EA-R เป็นต้น ขณะที่หากพิจารณาเป็นภาพรวม SET INDEX จะเห็นได้ว่ามูลค่าการ SHORT SELL ในปัจจุบันสูงกว่าในช่วงก่อนมีกฏ UPTICK ในช่วง COVID ปี 2560 เสียอีก โดยมีรายละเอียด ดังนี้

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

• ช่วงก่อนมี UPTICK (ม.ค.63 - กลาง มี.ค. 63) SET INDEX ปรับตัวลง - 39% โดยมีปริมาณ SHORT SELL 6% จากมูลค่าซื้อขาย 6.68 หมื่นล้าน บาท/วัน

• ช่วง ก.ย.66 - 13 พ.ย. 66 SET INDEX ปรับตัวลง -11% โดยีปริมาณ SHORT SELL 11% จากมูลค่าซื้อขาย 4.62 หมื่นล้านบาท/วัน

ขณะที่ระยะถัดไป SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น หลังรัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของ SET INDEX โดยวันนี้จะมีการประชุมของรัฐบาล FETCO – AIMC เกี่ยวกับประเด็น ข้อสรุปเกณฑ์ตั้ง ESG FUND (ไม่ใช่กองทุนพยุงหุ้น แต่จะเป็นกองทุนคล้าย LTF) ซึ่ง ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าหาก ESG FUND ได้รับการอนุมัติ จะเป็นภาพบวกต่อ SET INDEX ให้มีมูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง คาดหวังเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปี 2 – 7 หมื่นล้านบาท เฉกเช่นเดียวกับช่วงที่มีกองทุนประหยัดภาษี LTF ที่มีมูลค่าเม็ด เงินหนุนตลาดกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท/ปี (เฉพาะเดือน ธ.ค. มีมูลค่าเม็ดเงินหนุน ตลาดกว่า 2 หมื่นล้านบาท)

อีกทั้ง ESG FUND ยังมีความน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ SETESG INDEX ชนะ SET INDEX ทุก TIMEFRAME ดังรูปด้านล่าง กล่าวคือ SETESG INDEX มี ความสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า SET INDEX ทั้งช่วงตลาดหมี และกระทิง ดังนั้น คาดทำให้หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SETESG INDEX ทั้ง 114 ตัว จะน่าสนใจขึ้น และเป็น เป้าหมายของ ACTIVE FUND และ PASSIVE FUND

โดยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่อยู่ใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT เยอะๆ มีโอกาส ได้เม็ดเงินใหม่หนุน บวกกับถูก COVERED SHORTโดยมีเงื่อนไขการคัดกรอง ดังนี้

• หุ้นใน SETESG เฉพาะที่มี RATING ระดับ AAA และ AA

• ถูกนักลงทุน SHORT SELL มากกว่า 1 พันล้านบาท ในช่วง ก.ย.66-ปัจจุบัน

ซึ่งได้บริษัทที่น่าลงทุน คือ EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC, HMPRO, GULF, CPALL, CRC, SCC, MINT, SIRI ฯลฯ

สรุป SET INDEX ปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยหนึ่งคือ การ SHORT SELL ของหุ้นรายตัว ซึ่งทำให้มูลค่า SHORT SELL ในปัจจุบัน สูงกกว่าช่วงก่อนมีกฏ UPTICK เสียอีก ขณะที่ระยะถัดไป หากมีกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ ESG FUND ที่คล้ายกองทุน LTF คาดทำให้มีเม็ดเงินหนุน SET INDEX เข้ามา 2- 7 หมื่น ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี หรือราว 6-7 หมื่นล้านบาท/ปี และอาจหนุนให้ SET INDEX สามารถ OUTPERFORM ตลาดหุ้นอื่นๆได้

ส่วน TOPPICKS วันนี้ เลือก หุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ SIRI PTTGC SCGP

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย