ปลดล็อคข้อมูลพรีเมียม: ส่วนลดสูงสุดถึง 50% InvestingProรับส่วนลด

กลัว RECESSION มากขึ้น แต่ไม่ใช่บ้านเรา

เผยแพร่ 04/07/2565 10:34
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ปัจจัยแวดล้อมที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นช่วงนี้มี 2 ส่วนหลัก เริ่มจาก สถานการรณ์เงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง โดยล่าสุด EU ประกาศเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.65 ที่ ระดับ 8.6% สูงกว่าคาดเป็นตัวเร่งให้ECB ต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็น ทิศทางที่สอดคล้องกับธนาคารกลางทั่วโลก อีกเรื่องหนึ่งเป็นความกังวลเรื่องการ เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งพบว่า GDP Growth ในงวด 1Q65 ออกมาติดลบ และหากงวด 2Q65 ออกมาติดลบอีก 1 ไตร มาส ก็จะทำให้เข้านิยามของ Recession สำหรับสถานการณ์ในบ้านเราเชื่อว่ายัง อยู่ในภาวะที่ห่างใกล้จากภาวะถดถอย เนื่องจากตัวเลข GDP Growth ในงวด 1Q65 ยังเป็นบวก และในช่วงเวลาที่เหลือของปี ก็น่าจะได้แรงกระตุ้นจากการเปิด ประเทศหลังผ่านช่วง Covid-19 ระบาด

คาด SET Index ผันผวนในกรอบ 1560 –1580 จุด พอร์ตจำลองให้ลดเงินสด จาก 30% เหลือ 20% โดยนำเงินเข้าซื้อ TRUE น้ำหนัก 10% สำหรับหุ้น Top Pick เลือก BEM, CRC และ TRUE

TECHICAL RECESSION ในสหรัฐฯมีโอกาสมากขึ้น สวนทางบ้านเราเชื่อ ว่าโอกาสเกิดน้อย

ภาวะเงินเฟ้อฯสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงกว่าปกติกดดันให้ FED ดำเนินนโยบายการเงินที่ตึง ตัว สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าระยะถัดไปความกังวล ดังกล่าวจะสูงมากขึ้น หลังการรายดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัว อาทิ ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 50 จุด ต่ำสุดเป็น ประวัติการณ์ ดัชนี PMI ภาคการผลิตโดยสถาบัน ISM เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 53 จุด ต่ำสุดใน รอบ 2 ปี อีกทั้งล่าสุดคาดการณ์ GDP สหรัฐฯโดย FED สาขา Atlanta คาด GDP 2Q65 สหรัฐฯจะหดตัว -2.0%qoq หากเกิดขึ้นจริงหมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะ Technical Recession หลังจาก GDP 1Q65 หดตัว -1.6%qoq

หากประเมินจากสถิติย้อนหลังนับจากปี 2008 พบว่าสหรัฐฯเคยเกิด Technical Recession ทั้งสิ้น 2 ครั้งในปี 2008 และ 2020 ซึ่งพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวบ้านเราก็เกิด Technical Recession ด้วยเช่นกันแต่อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่าในปีนี้การเกิด Technical Recession ในบ้านเรายังมีโอกาสน้อยเนื่องจากระดับ GDP ปัจจุบันอยู่ระดับ ต่ำกว่า Pre-Covid ราว 1.8% เทียบกับสหรัฐฯที่ GDP อยู่สูงกว่าระดับ Pre-covid 2.74% อีกทั้งงวด 1Q65 ที่ผ่านมา GDP Growth บ้านเราก็ยังเป็นบวก QoQ อีกทั้งยังพัฒนาการ ที่ดีจากภาคการท่องเที่ยว (คิดเป็นสัดส่วน 20% ของ GDP) ค่อยๆฟื้นกลับตามการเปิด กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศรวมถึงภาคส่งออก (คิดเป็นสัดส่วน 60-70% ของ GDP) ยัง ขยายตัวได้ดีโดยล่าสุดในเดือน พ.ค. ขยายตัว 10.5%yoy ดีกว่าตลาดคาดในช่วง 6.5- 8%yoy

สภาพแวดล้อมที่ความกังวลต่อ Recession เข้ามามีน้ำหนักหนุนเม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ ปลอดภัยกดดัน Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯที่ปรับลงมาที่ 2.87% และ Bond Yield 2 ปี สหรัฐฯอยู่ที่ 2.82% ส่งผลให้ Spread ระหว่าง Bond Yield 10 ปีและ 2 ปีอยู่ที่ 5 bps ถือว่าใกล้เกิดภาวะ Inverted Yield Curve เต็มที หากติดลบเชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันต่อ ตลาดหุ้นสหรัฐฯอีกครั้งและจากระดับ Correlation ของ SET Index กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ระดับ 30-40% จึงเป็นปัจจัยที่กดดันทิศทาง SET Index ทางอ้อม

ทั้งนี้ในภาวะนักลงทุนกลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหุ้นที่มีเกราะป้องกัน แข็งแกร่งอย่างกลุ่ม ร.พ. (BH BDMS) กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม (MINT CENTEL ERW) และกลุ่มขนส่ง (BEM AOT (BK:AOT))

อัตราเงินเฟ้อยุโรปพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ไทยคาดอยู่ที่ 7.5%YOY ประกาศพรุ่งนี้

อัตราเงินเฟ้อ มิย.ของ EU พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด 8.6%YoY ขณะที่ พค. อยู่ที่ 8.1%YoY ถือ เป็นภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 1999 ในเขต EU ซึ่ง ปัจจัยหลักๆมาจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นโดย +41.9% ใน มิย. ขณะที่เดือน พค. +39.1% เช่นเดียวกับราคาอาหาร, เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ และบุหรี่ เพิ่มขึ้น 8.9% จาก เดิม 7.5% ในเดือนพค ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อระดับสูงนี้ ได้สร้างความกดดันต่อ ECB ที่จะต้อง เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ECB ไม่ได้ใช้มาตรการที่เข้มงวดนะครับ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินที่มีขึ้นในกลางเดือนนี้

ประเทศไทยเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดือน มิ.ย.65 มี การปรับเพดานราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ 35 บาท และยังมีแนวโน้มปรับขึ้น ต่อ ราคาขายปลีก LPG ก็ถูกปรับขึ้นในอัตรา 1 บาท/กิโลกรัม และจะปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยฝ่ายวิจัยฯนำเพียงค่าเฉลี่ยการเติบโตในช่วง 5 เดือนแรก ของปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 0.92%MoM มาคิด Growth ต่อจาก CPI Index เดือน 5 จะได้ CPI Index อยู่ที่ 107.60 จุด หรือ +7.7%YoY ในเดือนมิย. ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ กนง. ปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งการประชุมในช่วงที่เหลือของปีมี 3 ครั้ง และหากธปท. ขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งจริง(+0.75%) คาดทำให้ Flow ต่างชาติไหลออกและเงินบาทอ่อน ค่าต่อเนื่อง โดยหนึ่งในโซนที่น่าเข้าสะสมคือ ระดับที่ดัชนีต่ำกว่า 1570 จุด

อัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่ง ใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว ขึ้น ขณะที่ไทยจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อวันพรุ่งนี้(คาด +7.5%YoY) ซึ่งทำให้ SET Index แกว่งผันผวนในกรอบ 1560-1580 จุด

กำไรบริษัทจดทะเบียน 2Q65 อาจหดตัวทั้ง YOY และ QOQ

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่ามีปัจจัยที่อาจกดดันให้กำไรบริษัทจดทะเบียน 2Q65 อาจหดตัวทั้ง YoY และ QoQ มี 2 ประเด็น

1) ฐานกำไรในงวด 2Q64 ยืนในระดับสูง เริ่มจากงวด 2Q64 มีกำไรรวม 2.74 แสน ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากมีบริษัทขนาดใหญ่มีกำไรพิเศษรวมเข้ามา อาทิ PTTGC มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC 1.1 หมื่นล้านบาท และ BAY มีการขายเงิน ลงทุน TIDLOR 8 พันล้านบาท เป็นส่วนหนึ่งที่อาจส่งผลให้กำไรลดลง yoy

2) ปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงมาตการภาครัฐทยอยหมดลงเมื่อเทียบกับงวด 1Q65เมื่อเทียบกับฐานกำไร 1Q65ยืนในระดับสูง 2.81แสนล้านบาท ซึ่งเกิดจาก ปกติไตรมาสที่ 1 มักจะเป็นช่วง High Season และยังได้แรงหนุนจากมาตการ ภาครัฐเข้ามากระตุ้นภาคบริโภค แต่งวด 2Q65 เริ่มเห็นปัญหาเงินเฟ้อที่ชัดเจน มากขึ้น รวมกับมาตการภาครัฐหลายโครงการที่ทยอยหมดอายุลง กดดันให้กำไร บริษัทจดทะเบียนมีโอกาสลดลง QoQ ได้

ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนในงวด 2Q65 มีโอกาสลดลงทั้ง QoQ และ YoY โดยฝ่าย วิจัยฯ จึงทำการรวบรวมมุมมองของนักวิเคราะห์พื้นฐาน และแยกแยะแนวโน้มกำไรงวด 2Q65 ของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าลดลง QoQ และ YoY มีอยู่ 7 กลุ่ม อุตสาหกรรม คือ

กลุ่มเหล็ก (-QoQ, -YoY) ราคาเหล็กอยู่ในช่วงขาลงจาก demand การใช้เหล็กในจีนที่ ชะลอตัวประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่อยู่ในสภาวะซบเซาส่งผลให้ stock เหลือ กดดันให้ราคาเหล็กปรับตัวลดลง และสถานการณ์ในไทยเข้าสู่ฤดูฝน ความต้องการใช้เหล็ก ลดลงประกอบกับงานก่อสร้างภาครัฐเริ่มชะลอตัว จากปัจจัยทางด้านราคาและปริมาณที่ ลดลงมาก จะส่งผลให้กำไรลดลงทั้ง QoQ และ YoY

กลุ่ม ICT (-QoQ, -YoY) แนวโน้มกำไรชะลอลงทั้ง QoQ และ YoY ตามฐานกำไรของ ผู้ประกอบการมือถือที่เป็นตัวผลักดันกำไรโดยรวมของกลุ่ม เพราะคาดทั้ง ADVANC และ DTAC จะถูกกดดันจากรายได้ที่ชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง และการแข่งขันรุนแรงขึ้น ขณะที่ TRUE จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน DIF ออกมาบางส่วน แต่ คาดจะไม่เพียงพอที่จะดึงให้กำไรทั้งกลุ่มเติบโตได้

กลุ่มอสังหาฯ (-QoQ, -YoY) แนวโน้มกำไรจะลดลง YoY จากผลขาดทุนของบริษัทที่มี พอร์ตคอนโดฯ เป็นหลัก อย่าง NOBLE และ ANAN เข้ามากดดันกำไรกลุ่มฯ ขณะที่กำไร จะลดลง QoQ ผลจาก Low Season ที่มีช่วงวันหยุดยาวเดือน เม.ย. เข้ามากระทบต่อ ยอดขายและโอนฯ

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (-QoQ,-YoY) ธุรกิจมี Seasonal ชัดเจน โดยไฮซีซั่นอยู่ในไตรมาสแรก จึงน่าจะเห็นกำไร 2Q65 บริษัทส่วนใหญ่ลดลง QoQ หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งการส่งผ่านต้นทุนไปสู่ราคาขายยัง ทำไม่ได้ทั้งหมด แม้บางบริษัทสามารถปรับราคาสินค้าได้ ก็จะมีปริมาณขายลดลง โดย บริษัทใหญ่ที่สุดในกลุ่มคือ SCC จะเห็นกำไรลดลงชัดเจนจากปีก่อน เนื่องจาก Spread ปิโตรเคมีลดลงจากปีก่อนมาก ขณะที่ SCCC ต้องเผชิญปัจจัยลบจากการอ่อนค่าของเงินรูปี ศรีลังกา อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีโอกาสเกิด FX Loss ส่วน TASCO ที่ยังไม่สามารถหา แหล่งวัตถุดิบแทน Crude จากเวเนซูเอลาได้ จะถูกกดดันจาก margin ที่ลดลง

กลุ่มปิโตรเคมี(-QoQ,-/0YoY) แนวโน้มกำไรปกติ 2Q65 คาดจะปรับตัวลดลง QoQ สำหรับกลุ่มโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ตาม spread ผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าต้นทุนวัตดุดิบที่เพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้ลดลง และ supply ใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีเพียง IVL ที่น่าจะประคองกำไรปกติได้ QoQ เพราะได้มีการทำสัญญา ซื้อขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 50% ซึ่งเป็นระดับราคาที่มากกว่าปี 2564 ทำให้มั่นใจได้ว่า ทิศทางกำไรในปี 2565 น่าจะเห็นการเติบโต YoY ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี เป็นช่วง high season ของ PET ทำให้ spread โดยรวมยังทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับ งวด 1Q65

กลุ่มธนาคาร(-/0QoQ,-YoY) คาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 ทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY จาก BAY ที่มีกำไรจากเงินลงทุน โดยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิขยายตัวตามฐานสินเชื่อและสำรอง ลดลง ช่วยชดเชย Non -NII อ่อนตัวจาก capital market เลือก ธ.พ. ใหญ่ที่ได้ประโยชน์ จากดอกเบี้ยขาขึ้น อย่าง BBL KBANK (BK:KBANK) และ KTB

กลุ่มยานยนต์(-QoQ,-YoY) คาดกำไรงวด 2Q65 อ่อนตัว QoQ จากยอดขายตามฤดูกาล และมาร์จิ้นได้รับผลกระทบจากต้นทุน เลือกหุ้นสถานะการเงินเป็น Net cash ทนทานเมื่อ เผชิญกับ Macro Risk อย่าง SAT และ STANLY

สรุปคือ มุมมองกำไร 2Q65 มีโอกาสลดลงทั้ง QoQ และ YoY สูง เนื่องจากฐานกำไร ไตรมาสก่อน และช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับสูง บวกกับบริษัทจด ทะเบียนที่ต้องรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม และอาจนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรลงของฝ่ายวิจัยฯ

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย