BoJ & PCE / Short selling / BANK
• SET: คาด SET Index แกว่งตัว Sideways รอปัจจัยเศรษฐกิจสําคัญใน วันนี้อย่างการประชุม Bo] และรายงานตัวเลข PCE ของสหรัฐฯ โดยในส่วน ของการประชุม Bol นั้น ต้องติดตามว่าจะมีการพูดถึงหรือส่งสัญญาณ เกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินเยนหรือไม่ หลังจากที่ปัจจุบันระดับ USDJPY ทะลุแนวต้านสําคัญไปอยู่ที่ระดับ 155.6 แล้ว ขณะที่ตัวเลข PCE ล่าสุด ตลาดคาดการณ์ Headline ขยายตัว 2.6% YoY และ 0.3% MoM ส่วน Core คาดขยายตัว 2.7% YoY และ 0.3% MoM หากตัวเลขออกมา สูงกว่าคาด จะยิ่งตอกย้ําาคําาพูดของนาย Jerome Powell ล่าสุดที่ออกมา ยอมรับถึงความล่าช้าพัฒนาการทางด้านเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ Bond yield และดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัวสูงต่อไปได้ ขณะเดียวกัน หากตัวเลขออกมาต่ากว่าคาด ตลาดได้ส่วนหนึ่ง ในเชิงกลยุทธ์ ไม่แนะนําาให้เพิ่มนําหนักหุ้นใหม่ในช่วงนี้แต่อย่างใด อาจช่วยลดทอนความกังวลของนักลงทุนใน แนะเพียงถือครองหุ้นในส่วนเดิมเท่านั้น
• Short selling: ตลท.ประกาศมาตรการก่ากับดูแลธุรกรรม Short Selling เพิ่มเติม เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด โดยมีประเด็นที เรามองว่าสําคัญ ได้แก่ การบังคับใชเกณฑ์ Uptick ทุกหลักทรัพย์ ซึ่งคาด ว่าจะเริ่มช่วงปล้ายไตรมาส 2 ซึ่งหากอ้างอิงสถิติในอดีตเมื่อปี 2020 พบว่ามีส่วนช่วยลดระดับมูลค่าธุรกรรม Short selling ในตลาดลง มาเหลือเฉลี่ยวันละ 1 พันล้านบาท จากปกติที่ 4 พันล้านบาท มอง ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเปิด Upside ให้กับหุ้นไทยมากขึ้นได้บ้าง ตั้งแต่ช่วง ปลายไตรมาสที่ 2 นี้เป็นต้นไป
• BANK: จากการที่สมาคมธนาคารไทย ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม (25 เม.ย. 67) เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและ SME โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% สําหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นระยะเวลา 6 เดือน นั้น เรามองว่าจะกระทบต่อกําไรกลุ่มเล็กน้อยราว 1-3% จาก ประมาณการก่าไรปี 2567 ของเรา โดยแบ่งเป็น
1) BBL, KTB, TISCO กระทบราว 1%
2) KBANK (BK:KBANK), TTB กระทบราว 2%
3) SCB กระทบราว 3%
• ทั้งนี้ ประมาณการ Sensitivity ดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่า เป็นการ ลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ดอกเบี้ย MRR ซึ่งในทาง ปฏิบัติอาจเป็นไปได้ที่ทางธนาคารจะปรับลดให้แก่ลูกหนี้เพียงบางราย ซึ่ง จะทําให้ผลกระทบน้อยลงกว่าที่เราประมาณไว้ ดังนั้น Sensitivity ข้างต้น จึงเปรียบเสมือนผลกระทบในเชิงเลวร้ายสุด (Worst case) ด้วยผลกระทบ ที่อยู่ในระดับจํากัดนี้ ทําให้เรายังคงแนะนําา “ซื้อ” หุ้นในกลุ่มอย่าง BBL, KTB, TTB ต่อไป
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities