🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

เฟด“ขึ้น”ดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ประธานเฟดย้ำยังไม่ “ลด” ดอกเบี้ยในปีนี้

เผยแพร่ 27/07/2566 12:58

เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

ประธานเฟดย้ำยังไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ และ ไม่ปิดโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อ

  • Fed Funds Target Range

Actual: 5.25-5.50%        Previous: 5.00-5.25% 

KTBGM: 5.25-5.50%       Consensus: 5.25-5.50%

    • คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ (Data Dependent)
    • แม้ผู้เล่นในตลาดจะคงมุมมองว่า เฟดอาจยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทว่าในช่วงการแถลงต่อสื่อมวลชน ประธานเฟด Jerome Powell ได้เน้นย้ำว่าเฟดจะตัดสินใจนโยบายการเงินเป็นรายครั้ง ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และการลดดอกเบี้ยอาจยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้นอกจากนี้ ประธานเฟดยังชี้ว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตามความจำเป็นและความเหมาะสมของสถานการณ์
    • เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วในวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น อีกทั้ง ภาวะสินเชื่อก็มีแนวโน้มตึงตัวขึ้นชัดเจน และเรามองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในช่วงปลายปี/ต้นปีหน้า เฟดก็สามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อสู่ระดับ 3.00% ซึ่งจะเป็น new normal long-run rate ของเฟด
    • Next FOMC Decision: Sep 21 2023 (1 AM BKK)

คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 5.25-5.50% พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ตามความเหมาะสม

  • FOMC มองข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนการขยายตัวปานกลางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี แม้ว่าระบบธนาคารสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ แต่ภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและครัวเรือน อาจยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อได้ และแม้ว่าผลกระทบดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน แต่ความเสี่ยงเงินเฟ้อยังคงเป็นสิ่งที่เฟดให้ความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 5.25-5.50% พร้อมกับเดินหน้าลดงบดุล โดย FOMC มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%
  • สำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตนั้น FOMC จะติดตามพัฒนาการข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หากพบว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ ซึ่งเฟดจะติดตามทั้งข้อมูลด้านสาธารณสุข ตลาดแรงงาน ปัจจัยต่อเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงสถานการณ์ทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
  • ประธานเฟด ได้เน้นย้ำว่า เฟดจะตัดสินใจนโยบายการเงินเป็นรายครั้ง ตามสถานการณ์เศรษฐกิจพร้อมกันนั้น ประธานเฟดยังระบุว่า แนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายจะยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้และเฟดก็พร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ คงดอกเบี้ยตามเดิมขึ้นกับว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงนั้นจะสนับสนุนการดำเนินนโยบายแบบใด

ท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ของประธานเฟด ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% เปิดโอกาสทยอยซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว

  • แม้ว่าแถลงการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟดจะส่งสัญญาณว่า เฟดก็มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก +25bps ตาม Dot Plot ล่าสุด แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณความไม่แน่ใจของประธานเฟด ผ่านถ้อยแถลงล่าสุดที่ระบุว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ คงดอกเบี้ย ตามความเหมาะสมซึ่งเรามองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายส่วนเริ่มส่งสัญญาณชะลอลงมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการและการบริโภคนั้น ก็อาจลดลง ตาม Excess Saving ของคนอเมริกันที่จะทยอยหมดลง รวมถึงภาระหนี้ Student Loan ที่จะกลับมากดดันการใช้จ่ายของครัวเรือนมากขึ้น และถ้าหากพิจารณาถึง ภาวะสินเชื่อในสหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่ รายงานภาวะสินเชื่อ (Senior Loan Officer Opinion Survey) ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งอาจออกมาในเดือนสิงหาคม ก่อนการประชุมเฟดเดือนกันยายน จะยิ่งชี้ว่าภาวะสินเชื่อมีความตึงตัวมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากประเมินจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวมากขึ้น เรายังคงมองว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงได้ เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลงเข้าสู่ภาวะถดถอย   
  • จากการศึกษาข้อมูลในอดีต เราพบว่า หากวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้สิ้นสุดลงแล้ว สินทรัพย์ที่จะกลับมาปรับตัวขึ้นได้ดีและน่าสนใจ คือทองคำและตราสารหนี้โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว โดยเรามองว่า ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมาใกล้ระดับ 4.00% ก็จะเป็นจังหวะที่น่าสนใจให้นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมการลงทุนในบอนด์ระยะยาวได้ โดยเน้น buy on dip เพราะหากมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและอัตราเงินเฟ้อชะลอลงของเรานั้นถูกต้อง เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.30%-3.50% ได้ในช่วงปลายปีนี้ ส่วน downside risk คือ เฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เราคาด (อาจจะอีกสัก 1 ครั้ง) ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.20%-4.30% ได้ ซึ่งหากพิจารณา Risk-Reward เรามองว่า นักลงทุนก็ยังได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจและคุ้มความเสี่ยง (Yield + Capital Gains > Potential Risks) นอกจากนี้ กลยุทธ์ Buy on Dip บอนด์ระยะยาว ก็ยังสามารถใช้กับการลงทุนในบอนด์ไทยได้เช่นกัน เพราะเรามองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทำให้แรงกดดันต่อบอนด์ยีลด์ระยะยาวก็เหลืออีกไม่มากนัก ซึ่งเรามองว่า จังหวะที่ควรเริ่มพิจารณาทยอยเข้าลงทุนในบอนด์ระยะยาวของไทย คือ ช่วงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนสิงหาคม ซึ่งต้องจับตาว่า กนง. จะมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25% หรือไม่ และมีการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคตอย่างไร
  • ในส่วนของทองคำแม้ว่า สถิติในอดีตจะชี้ว่า ราคาทองคำ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หากเฟดจบรอบการขึ้นดอกเบี้ย แต่เรามองว่า ยังคงต้องระมัดระวังว่า บรรดาธนาคารกลางอื่นๆ จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกหรือไม่ และบรรยากาศในตลาดการเงินจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ (Risk-On) อีกนานเพียงใด เนื่องจากภาพดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อได้ยาก ทำให้เราคงมองเป้าราคาทองคำแถว 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรรอจังหวะราคาทองคำย่อตัวลงในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อ hedge ความเสี่ยงการลงทุน

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย