🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

สัปดาห์นี้นักลงทุนล้วนจับตาการประชุม FED BoE และตัวเลขค้าปลีก

เผยแพร่ 16/03/2564 11:59
EUR/USD
-
US10YT=X
-
AZN
-
DXY
-

ถือเป็นสัปดาห์ที่มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจให้นักลงทุนต้องเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นการประชุมของสามธนาคารกลางใหญ่ การรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และแคนาดา การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของนิวซีแลนด์และการรายงานตัวเลขการจ้างงานของออสเตรเลีย แต่ข่าวที่ทุกคนจะให้ความสนใจมาเป็นอันดับแรกคือการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือว่าเฟด (FED) ที่จะเกิดในวันนี้และวันพรุ่งนี้

 
ดอลลาร์สหรัฐเปิดสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคมด้วยการอ่อนมูลค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ วิ่งกลับขึ้นไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 1.6% อีกครั้ง กิจกรรมภาคการผลิตในนิวยอร์กปรับตัวดีขึ้น สะท้อนออกมาจากการรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตจากเอ็มไพร์ สเตตที่ขยายตัวขึ้นจาก 12.1 เป็น 17.4 จุดซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ นี่คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนบางส่วนจึงเชื่อว่าเฟดจะปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจขึ้นภายในการประชุมสองวันนี้

นักลงทุนมีคำถามมากมายที่อยากจะถามธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งสุดท้ายที่เฟดอัปเดตตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจคือเดือนธันวาคมปีที่แล้วซึ่งจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป มาตรการล็อกดาวน์ในหลายๆ พื้นที่เริ่มคลายตัวลงหลังจาก 20% ของชาวอเมริกันได้รับวัคซีนต้านโควิดอย่างน้อยหนึ่งโดส ภาพรวมของสหรัฐอเมริกาดูสดใสขึ้นมากนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา การที่ราคาสินค้าเริ่มถูกปรับขึ้นทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าเฟดต้องปรับตัวเลขคาดการณ์ของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ 

นอกจากประเด็นที่ได้กล่าวถึงไปยังมีอีกสองเรื่องสำคัญ หนึ่งคือเฟดเริ่มเป็นกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นในผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแล้วหรือไม่? และสองคือการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยด้วยแผนภาพแบบจุด (dot plot) จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้เจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดพูดชัดว่าเขายังไม่กังวลเรื่องผลตอบแทนพันธบัตรฯ แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงทำให้นักลงทุนไม่เชื่อว่าเฟดจะวางใจไปได้อีกนาน  

ต่อให้พาวเวลล์ยังไม่กังวลเรื่องผลตอบแทนพันธบัตรฯ แต่แผนภาพแบบจุดจะต้องมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และหากนำข้อมูลจากแผนภาพมาประกอบเข้ากับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เริ่มจะขยายตัวจะยิ่งทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่เป็นตัววัดมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยิ่งได้ใจและปรับตัวขึ้นต่อ การรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่จะเกิดขึ้นในวันนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของเฟดในวันพุธด้วย นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าตัวเลขยอดค้าปลีกครั้งนี้จะไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดแบบที่ได้เห็นในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวขึ้น ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยและตัวเลขการจ้างงานฯ ที่ปรับขึ้นอาจทำให้เราได้เห็นการประกาศแบบเซอร์ไพรส์จากธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้

 

หากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อ คู่สกุลเงิน EUR/USD ยิ่งจะมีโอกาสเข้าสู่โหมดปรับฐานมากขึ้น ผลการประชุมของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ข้อสรุปว่า ECB จะเร่งการเข้าซื้อพันธบัตรยูโรเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ฝั่งยุโรปกำลังมีข่าวร้ายเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิดของบริษัทแอสตราเซเนกา (NASDAQ:AZN) ที่ถูกระงับใช้งานในหลายพื้นที่ทั่วยุโรปเช่นเยอรมัน ฝรั่งเศส สเปนและอิตาลีเนื่องจากมีการพบว่าผู้ที่ฉีดไปแล้วมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ก่อนหน้านี้ยูโรโซนก็เจอปัญหาการกระจายวัคซีนล่าช้าอยู่ก่อนแล้ว นี่คือปัญหาใหม่ที่เข้ามาซ้ำเติมอีกซึ่งจะยิ่งทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปยิ่งช้าลงไปด้วย

ความโชคร้ายของยูโรโซนยังไม่จบแค่นั้น เหมือนโควิด-19 จะรู้หน้าที่เพราะทันทีที่ไม่มีเกราะคุ้มภัย โควิดจึงเริ่มกระจายตัวอีกครั้งในหลายๆ พื้นที่เช่นเยอรมันและอิตาลีจนอิตาลีต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ก่อนวันหยุดอีสเตอร์ กรมสาธารณสุขของเยอรมันถึงกับเรียกกว่าแพร่ระบาดครั้งนี้ว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สาม” ซึ่งทั้งสองประเทศก็เจอปัญหาเรื่องการกระจายวัคซีนล่าช้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย นี่คือความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสถานการณ์การฟื้นตัวจากโควิดในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป การรายงานตัวเลขผลสำรวจทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ในวันนี้อาจดีขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากขาขึ้นในตลาดหุ้นซึ่งสวนทางกับความเป็นจริงเป็นอย่างมาก

 

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะมีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการเงินเช่นกันในสัปดาห์นี้ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า BoE จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ คำถามสำคัญสำหรับ BoE ก็คือได้เวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วหรือไม่ ข่าวดีของความสามารถในการกระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพกลบข่าวความผันผวนในตลาดผลตอบแทนพันธบัตรฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น นับตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน เราได้เห็นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นจาก 0.15% เป็น 0.85% แม้ดูจากตัวเลขแล้วจะยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล แต่ความเร็วในการเติบโตอาจได้ผลกระทบมาจากการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรแห่งสหภาพยุโรป

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย