นิวยอร์ก - หุ้นของบริษัทผู้ให้บริการระดับมืออาชีพระดับโลก Accenture (NYSE: ACN) พุ่งขึ้น 5% เนื่องจากบริษัทรายงานการจองใหม่ที่แข็งแกร่งในผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2024 แม้ว่าจะพลาดการคาดการณ์กําไรต่อหุ้น (EPS) ไปเล็กน้อย
กําไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทอยู่ที่ $3.13 ซึ่งต่ํากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $0.04 อย่างไรก็ตาม รายรับเป็นไปตามการคาดการณ์ โดยไตรมาสนี้สร้างรายได้ 16.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ํากว่าประมาณการที่เป็นเอกฉันท์ที่ 16.6 พันล้านดอลลาร์
ยอดจองใหม่ของ Accenture เป็นไฮไลท์ โดยมีมูลค่ารวม 21.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และ 26% ในสกุลเงินท้องถิ่นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว การจองที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญนี้บ่งชี้ถึงความต้องการบริการของบริษัทที่แข็งแกร่ง แม้ว่ารายได้จะลดลงเล็กน้อย 1% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เพิ่มขึ้น 1.4% ในสกุลเงินท้องถิ่นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2023
Julie Sweet ประธานและซีอีโอของ Accenture ระบุว่าผลการดําเนินงานของบริษัทมาจากการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ที่ความต้องการของลูกค้าและเหตุการณ์สําคัญใน Generative AI โดยมียอดขายสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณจนถึงปัจจุบัน Sweet ยังเน้นย้ําถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการเข้าซื้อกิจการ โดยมีข้อตกลง 35 ฉบับมูลค่า 5.2 พันล้านดอลลาร์ที่นําไปใช้ทุกปีจนถึงปัจจุบัน
สําหรับทั้งปีงบประมาณ 2024 Accenture ได้อัปเดตคําแนะนํา โดยคาดว่ากําไรต่อหุ้นจะอยู่ระหว่าง $11.85 ถึง $12.00 ซึ่งต่ํากว่าฉันทามติของนักวิเคราะห์ที่ $12.08 อย่างไรก็ตาม การจองที่แข็งแกร่งของบริษัทและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเส้นทางการเติบโต
การเคลื่อนไหวในเชิงบวกของหุ้นบ่งบอกถึงการมองโลกในแง่ดีของนักลงทุน ซึ่งน่าจะได้รับแรงหนุนจากความสามารถของบริษัทในการรักษาท่อส่งธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งและแนวทางเชิงรุกในการผสานรวมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น Generative AI เข้ากับข้อเสนอบริการ
นอกเหนือจากตัวชี้วัดทางการเงินแล้ว Accenture ยังรายงานอัตรากําไรจากการดําเนินงาน GAAP ที่ 16.0% เพิ่มขึ้น 180 จุดพื้นฐานในช่วงไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2023 และอัตรากําไรจากการดําเนินงานที่ปรับปรุงแล้วที่ 16.4% ขยายตัวเล็กน้อย 10 จุดพื้นฐาน บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรายไตรมาสที่ 1.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% จากปีงบประมาณก่อนหน้า
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน