เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศแบน Bitcoin อีกครั้ง โดยครั้งนี้รัฐบาลจีนได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การทำธุรกรรม crypto ทั้งหมดนั้นถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่การแบน Bitcoin ในครั้งล่าสุดนี้ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตในประเทศจีนอย่างไรบ้าง ? ในบทความนี้เราจะมาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน นักขุด : สำหรับนักขุดในจีน การแบนคริปโตนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่หรือได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากนักขุดส่วนใหญ่ได้เริ่มเตรียมรับมือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้ว นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศปราบปรามในเดือนพฤษภาคม Mining pool : SparkPool เหมือง Ethereum Mining Pool ที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกาศว่า พวกเขาจะหยุดให้บริการแก่นักขุดชาวจีน ในขณะที่ BeePool ซึ่งเป็น Pool ขุด Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 กล่าวว่า จะปิดตัวลงในจีนในวันที่ 15 ต.ค. นักลงทุน/นักเทรดในจีน : เว็บไซต์เข้าดูข้อมูลราคาเหรียญคริปโตชั้นนำอย่าง CoinGecko, CoinMarketCap และ TradingView ทั้งหมดถูกบล็อกโดยไฟร์วอลล์อินเทอร์เน็ตของจีน เว็บเทรดแบบรวมศูนย์ : ทั้ง Huobi และ Binance ปิดรับสมัครลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่จากประเทศจีน โปรเจกต์ DeFi : Loopring, zk-rollup protocol และ Debank, DeFi wallet ทั้งหมดถูกระงับการเข้าถึงจาก IP Address ของจีน ชุมชน Crypto บน WeChat ในประเทศจีน : เริ่มปลี่ยนไปใช้ Telegram หรือ Discord แทน การแบนคริปโตครั้งล่าสุดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างไปจากการแบนครั้งก่อนมากนัก โดยมีเพียงความรุนแรงและเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากจำนวนหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง โดยรวมแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นการแบนคริปโตครั้งนี้ยังคงน้อยมาก เนื่องจากการแบนคริปโตในเดือนพฤษภาคมได้ทำให้ทุกคนเริ่มรับรู้จุดยืนของจีนดีอยู่แล้ว และนักเทรด crypto ของจีน ก็เริ่มรู้สึกว่า พวกเขาควรจะต้องมีการปรับตัวและมองหาทางเลือกอื่นในการซื้อขายคริปโตของพวกเขาแทน ซึ่งดูเหมือนว่าเว็บเทรด Decentralize และโปรโตคอล Defi จะตอบโจทย์พวกเขาในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม การแบนคริปโตครั้งล่าสุดของจีนจึงดูเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เกิดการยอมรับ DeFi และสำหรับความคิดแบบกระจายอำนาจในหมู่ผู้ใช้ชาวจีน
กดอ่านข่าว เผยเหตุผลว่าทำไมการแบน Bitcoin ครั้งล่าสุดของจีนถึงเป็นผลดีต่อ DeFi ต่อที่ Siam Blockchain