อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้กลายเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและตลาด Crypto เป็นวงกว้าง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์การล่มสลายของภาคส่วนทั้งสองในอดีต นักลงทุนจึงแห่พากันตั้งคำถามต่อธนาคารกลาง ท่ามกลางนโยบายต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ธนาคารกลางต้องดำเนินตามบทบาทด้านการสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นในระหว่างการประชุมสุดยอด Delivering Alpha Investor Summit ของ CNBC เมื่อวันที่ 28 กันยายน มหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง Stanley Druckenmiller จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าหากผู้คนสูญเสียความไว้วางใจในธนาคารกลางเพราะนโยบายที่เข้มงวดจนเกินไป ยุคสมัยของ Crypto อาจหวนกลับคืนมาอีกครั้ง” Druckenmiller กล่าวเสริมว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin (BTC) ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจาก Fed พยายามควบคุมเงินเฟ้อและภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น มหาเศรษฐีอ้างถึงการตัดสินใจครั้งล่าสุดของธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษว่า เป็นการเพิ่มความเข้มงวดให้กับนโยบายในการชะลอเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า หากธนาคารกลางแห่งอื่นพยายามเพิ่มความเข้มงวดตาม ๆ กันมา Crypto อาจเป็นสินทรัพย์ที่ต้องออกจากระบบเศรษฐกิจไป “ผมไม่ได้เป็นเจ้าของ Bitcoin การที่ผมจะเป็นเจ้าของอะไรแบบนั้น มันยากเกินไปสำหรับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางเข้มงวดมากขนาดนี้ แต่ผมคิดว่าถ้าหากธนาคารกลางแห่งอื่นพยายามทำตามธนาคารกลางของอังกฤษ และถ้าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ดีขึ้น ในอีกสองหรือสามปีข้างหน้าผมอาจจะเห็น Crypto กลับมามีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เพราะผู้คนไม่ไว้วางใจธนาคารกลาง” Druckenmiller กล่าว ในระหว่างการประชุม Druckenmiller ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เขาเรียกว่า
กดอ่านข่าว เศรษฐีชื่อ S. Druckenmiller กล่าวว่า ความเข้มงวดของธนาคารกลาง อาจนำมาซึ่ง ‘ยุคสมัยของ Crypto’ ต่อที่ Siam Blockchain