InfoQuest - นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับขึ้นมาแตะระดับ 2,025.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่เข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มากกว่าทุกครั้ง
การปรับขึ้นมาในครั้งนี้ มาจากปัจจัยหนุนหลักๆ 2 ปัจจัย คือ ความกังวลความขัดแย้งรัสเซีย - ยูเครน ที่มีความเสี่ยงกระทบกระทั่งทางทหารมากขึ้น หลังจากที่ฟินแลนด์ได้รับอนุมัติเป็นสมาชิก NATO เป็นประเทศลำดับที่ 31 ทำให้กองกำลัง NATO ประชิดชายแดนรัสเซียมากขึ้น ซึ่งรัสเซียส่งสัญญาณว่าจะทำการตอบโต้อย่างสาสม ประเด็นนี้จึงกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของสหรัฐยังออกมาไม่ดี ล่าสุดประกาศตัวเลขภาคการผลิตชะลอตัวลง และการจ้างงานลดลง อีกทั้งยังมีความกดดันจากสถานการณ์วิกฤตของภาคธนาคารสหรัฐที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็วๆ นี้ โดยล่าสุด JP Morgan ประเมินว่าวิกฤตธนาคารจะดำเนินต่อไปอีกหลายปีคล้ายกับวิกฤตซัพไพรม์ จึงส่งผลให้หุ้นธนาคารยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และส่งผลต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆ รวมถึงเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นมาของราคาทองคำในช่วงนี้ยังมาจากการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคเพราะราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านสำคัญมาได้ อย่างไรก็ดี แม้จะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว แต่สัญญาณระยะกลางยังคงเป็นทิศทางแกว่งตัวขึ้น มองแนวต้าน 2,057 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนระยะสั้น ก็เป็นการแกว่งตัวขึ้นเช่นกัน
แต่ในระยะสั้นอาจะมีแรงขายทำกำไร ที่บริเวณ 2,017- 2,018 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับนี้ให้เข้าซื้อที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนคำแนะนำในการลงทุน แนะนำทำกำไรระยะสั้น แนะนำแบ่งขายที่แนวต้าน 2,038 และ 2,057 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เพื่อซื้อใหม่เมื่อย่อตัวลง แนะซื้อเล่นสั้นที่ 2,009-1,990 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนราคาทองคำในประเทศแนะนำเข้าซื้อที่แนวรับ 32,350-30,050 บาทต่อบาททองคำ และแบ่งขายที่แนวต้าน 32,800 และ 33,100 บาทต่อบาททองคำ (หมายเหตุ : ข้อมูลราคาทองคำล่าสุด ณ วันที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 12:30 น. )