InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ในวันอังคาร (2 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งวิตกว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 4 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 71.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 3.99 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 75.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. และเป็นการดิ่งลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ปีนี้
ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายในวันดังกล่าว
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่ถึงสัปดาห์หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะใช้สิทธิ์วีโต (veto) เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้มีการพ่วงข้อเสนอให้รัฐบาลลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ของตลาดที่ว่าเฟดจะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังผ่านพ้นการประชุมในเดือนพ.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล