รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้นไทยเปิดบวก 5.72 จุด คาดรีบาวน์อ่อน-จับตายกเลิก พรก. ฉุกเฉิน

เผยแพร่ 10/09/2564 11:25
อัพเดท 10/09/2564 11:26
© Reuters.

© Reuters.

โดย วณิชชา สุมานัส

Investing.com - บรรยากาศการซื้อขาย ตลาดหุ้นไทย (SET) เช้านี้ (10 กันยายน 2564) เปิดตลาดเมื่อเวลา 10.00 น. แตะที่ระดับ 1,634.84 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 5.72 จุด หรือคิดเป็นบวก 0.35% กูรูชี้ วันนี้หุ้นเคลื่อนไหวไม่หวือหวา

สำหรับปัจจัยภายนอก นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย บอกกับ Investing.com ว่า วันนี้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มรีบาวด์ได้แบบอ่อน ๆ โดยไม่น่าจะกลับไปเป็นขาขึ้นให้ทะลุกรอบแนวต้านที่ 1,660 จุด โดยประเมินกรอบเคลื่อนไหววันนี้อยู่ที่ 1,630-1,640 จุด ซึ่งเหตุหลัก ๆ เกี่ยวเนื่องกับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวาน ภาพรวมก็ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น โดยนางคริสตีน ลาการ์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรปก็ออกมาส่งสัญญาณในการเตรียมลดสภาพคล่อง แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีตัวเลขที่ชัดเจนว่า จากปัจจุบันที่มีการเข้าซื้อพันธบัตรจำนวนเดือนละ 80,000 ล้านยูโรต่อเดือน จะลดลงมาเหลือเท่าไร 

“นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรปน่าจะปรับลดการซื้อพันธบัตรลงอยู่ประมาณ 60,000-70,000 ล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งไม่ได้เป็นตัวเลขที่ดิ่งลงหรือกระชากลงทีเดียว ซึ่งจะเป็นการค่อย ๆ ลดลงไป และอาจจะเริ่มเห็นในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป” นายสรพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยุโรปได้มีการปรับเรทตัว GDP ปีนี้ขึ้น จาก 4.6% มาเป็น 5% รวมทั้ง ยังมีการปรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อขึ้นด้วย โดยเงินเฟ้อในยุโรปปรับขึ้นจาก ปีนี้ที่อยู่ประมาณ 2% และปรับไปปีหน้าอยู่ที่ 1.7 โดยภาพรวมดังกล่าวก็อาจจะไม่ได้มีอิทธิพลต่อตลาดใด ๆ มากนัก เพราะก็เป็นตามการคาดการณ์ของตลาดทั่วไปอยู่แล้ว

สำหรับฟากฝั่ง ตลาดหุ้นไทย (SET) ก็ต้องบอกว่า จากนี้ไป ประเด็นหลัก ๆ ก็จะอยู่ที่เรื่องของมาตราการผ่อนคลายล็อกดาวน์จากสถานการณ์การระบาดของโควิดให้มากขึ้น เช่น เปิดสถานที่ให้บริการทางธุรกิจมากขึ้น หรือจะมีการเอาเคอร์ฟิวออกหรือไม่ ซึ่งฟากฝั่งรัฐบาลไทยเองก็ส่งสัญญาณเพิ่มเติมว่าจะมีการยกเลิกพระราชกำหนดฉุกเฉินในวันนี้ (10 กันยายน)

นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศก็มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นด้วย เช่น การโหวตวาระ 3 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้อาจจะไม่ได้ส่งผลทั้งบวกและลบโดยตรง เพราะก็เริ่มมีการ Price In กันในตลาดอยู่แล้ว ฉะนั้นจะเห็นได้เลยว่า สัปดาห์นี้หรือตอนนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นก็จะไม่ได้มีประเด็นอะไรมาก แต่น่าจะเป็นการที่ดึงหุ้นที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านั้นยกขึ้นทั้งแผง ซึ่งในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า นักลงทุนจะเล่นหุ้นที่อยู่ในฝั่งของ Re-opening Play กันซะส่วนใหญ่ และได้เริ่มเห็นการกลับขาของค่าเงิน การกลับขาของ Bond Yield ส่วนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้จะทำให้หุ้นกลุ่ม Re-opening Play รวมถึงเม็ดเงินลงทุน (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาชะลอเล็กน้อย 

สำหรับสัปดาห์หน้า คาดว่า นักลงทุนน่าจะกลับมาเล่นในฝั่งของการที่เกิดรีบาวน์ของหุ้น ซึ่งการเกิดรีบาวน์ของหุ้นจะมีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มเดินเรือ โดยมองว่า หุ้น 2 กลุ่มนี้ น่าจะกลับมา Performce ได้ดีในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (KCE) จะยังเป็นหุ้นเด่น (Top Pick) โดยมีราคาเป้าหมายที่ 100 บาทต่อหุ้น ที่จะได้ Sentiment เชิงบวกตรงที่ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นผู้เล่นรายใหญ่ผู้ผลิตชิป TSMC ของทางไต้หวัน มีการปรับราคาสินค้าของตัวเอง 10-20% โดยจะเป็น Setiment เชิงบวกให้กับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งเดิม จะเริ่มมีการแบกต้นทุนที่เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าชิ้นส่วน เซมิคอนดักเตอร์ ค่าเรือ ฯลฯ ปรับขึ้น และยังจะสามารถ Cost Push ไปยังราคาสินค้าปลายทางที่ปรับขึ้นได้ ซึ่งตรงนี้จะช่วยปรับขยายมาร์จิ้นของ KCE ให้ยืนเหนือ 30% ได้ในระยะกลางทีเดียว ดังนั้น KCE จึงเหมือนกับการเล่นรีบาวน์และอัพไซต์ก็ปรับตัวขึ้น 25% ด้วย

หุ้น KCE ซื้อขายกันในขณะนี้ (เวลา 11.00 น) ที่ 78.00 บาทต่อหุ้น สูงขึ้น 0.75 หรือ 0.97% โดยเปิดตลาดวันนี้ ซื้อขายกันที่ 77.50 บาทต่อหุ้น สูงสุด 78.25 บาทต่อหุ้น และต่ำสุด 77.25 บาทต่อหุ้น มูลค่าการตลาดอยู่ที่ 93.01 พันล้านบาท 

หุ้นอีกตัวที่น่าสนใจ สำหรับคนที่อยากจะทะยอยสะสมพอร์ต คือ คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (CBG) ต้องยอมรับ ณ ตอนนี้ Sentiment ในเรื่องสัดส่วนของบริษัทที่อยู่ในพม่าได้รับผลกระทบ เพราะตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองในพม่าก็เริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง การชุมนุมทางการเมืองต่าง ๆ เริ่มกลับมาตึงเครียด จึงทำให้ราคาหุ้น หลาย ๆ ตัวที่เกี่ยวข้องกับสัดส่วนของการลงทุนในพม่าปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยประเด็นนี้ เริ่ม Price In มาตั้งแต่ CBG ราคาต่ำลงมากว่า 130 บาทแล้ว ดังนั้น อย่างในกรณีเลวร้ายงบไตรมาส 3 ของ CBG ไม่น่าจะตำ่กว่า 800 ล้านบาท จากในไตรมาส 2 ที่อยู่ประมาณ 950 - 970 ล้านบาท ดังนั้น ใครที่อยากจะทะยอยสะสมพอร์ตก็ไม่น่าจะพลาด CBG ซึ่งคาดว่ากรอบสะสมจะอยู่บริเวณ 125-130 บาทต่อหุ้น ซึ่งหุ้นตัวนี้เริ่ม Price In จากผลกระทบในเรื่องของพม่าไปเรียบร้อยแล้ว 

ราคาหุ้น CBG ในวันนี้ ซื้อขายกันในขณะนี้ที่ 128 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.39% เปิดตลาดวันนี้ ซื้อขายกันที่ 128 บาท สูงสุด 129 บาทและต่ำสุดที่ 127 บาท

สำหรับหุ้นเดินเรือ ราคาก็ลงมาค่อนข้างมาก อาร์ ซี แอล จำกัด (RCL) ก็น่าแนะนำ ส่วนประเด็นปัจจัยเกี่ยวข้องก็น่าจะเป็นเรื่องของตู้คอนเทนเนอร์ที่จากเดิมมีปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ แต่มองว่า ปัญหานี้จะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 3 แต่ล่าสุด ผู้ให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ไม่ว่าทั้งในไทย ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ มองว่า ปัญหานี้น่าจะยังยาวไปถึงตรุษจีนปีหน้า เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองไทยกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัญหาการส่งออกเกิดการล่าช้า รวมถึง ปัจจุบัน ตัวเรือที่กำลังจอดไว้เฉยๆ อยู่ในสหรัฐอเมริกามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ฝั่งจีนที่ส่องออกไปทั่งยุโรปและอเมริกาก็เจอปัญหาเดียวกัน ดังนั้น ภาพนี้จะมองได้ว่า ค่าธรรมเนียมเรื่องตู้คอนเทนเนอร์จะยังลดลง ดังนั้น ราคาหุ้นอย่าง RCL ก็จะปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบ 55 บาทต่อหุ้น ซึ่งเหมาะที่จะซื้อสะสมไว้ได้ และรอเล่นรีบาวน์ขึ้นไปเหนือประมาณ 60-65 บาทได้ 

หุ้น RCL ซื้อขายกันตอนนี้ราคา 57 บาทต่อหุ้น สูงขึ้น 0.75 บาทหรือ 1.33% เปิดตลาดที่ 57.25 บาทต่อหุ้น สูงสุดที่ 57.50 บาทต่อหุ้นและต่ำสุดที่ 56.75 บาทต่อหุ้น 

ดัชนี SET 50 ปรับขึ้น +3.15 จุด คิดเป็น +0.32% อยู่ที่ 985.01 จุด มูลค่าซื้อขายรวม อยู่ที่ 1,004 ล้านบาท คิดเป็นราว 37.46% ของการซื้อขายทั้งหมด

ขณะที่ตลาด mai ปรับขึ้น +4.72 จุด คิดเป็น +0.88% ในทิศทางเดียวกัน มาอยู่ที่ 543.87 จุด มูลค่าซื้อขาย 316.2 ล้านบาท

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย