โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com – นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า การประชุม กนง. วันนี้มีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมที่สะท้อนเศรษฐกิจไทยจากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกนั้น ความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นทำให้กระแสทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย กดดันทั้งพันธบัตรและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับลดลง ภาวะแวดล้อมดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงเวลาของการปรับฐานต่อไป แนะนำถือหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการยังเติบโต และมีการจ่ายเงินปันผล
ทั้งนี้คาด ดัชนีหุ้น ของ ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้จะแกว่งตัวภายใต้แนวต้านที่ 1,550 จุด และมี 1,510 จุดเป็นแนวรับหลัก พอร์ตจำลองให้คงระดับเงินสดไว้ที่ 15% ตามเดิม ส่วนหุ้น Top Pick เลือก JMART, MCS และ NER ตามเดิม
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ 3 ตัวในช่วงเงินบาทอ่อนค่าได้แก่
1. NER หุ้นกลุ่มส่งออกยางพาราที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าโดยล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ 32.7 บาท/ต่อดอลลาร์ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หนุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่และเก่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มธุรกิจยางพาราของ NER จะเติบโตชัดเจนต่อจากนี้ โดยคาดกำไรสุทธิปี 64-65 จะเพิ่มขึ้นถึง 87.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และ 17.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราเพิ่มขึ้น
2. JMART แม้คาดกำไรในไตรมาส 2 ปีงบ 2564 ลดลงจากไตรมาส 1 ปีงบ 2564 แต่เกิดจากฐานที่มีกำไรพิเศษ เฉพาะกำไรปกติงวดไตรมาส 2 ปีงบ 2564 ประคองตัวได้ดี ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบรายไตรมาส จากฐานกำไรในไตรมาส 1 ปีงบ 2564 ที่ใกล้เคียงสถิติสูงสุดรายไตรมาส โดยมีธุรกิจการเงิน JMT และ SINGER เป็นเติบโตต่อเนื่อง
3. MCS คาดกำไรในไตรมาส 2 ปีงบ 2564 ทำได้สูงถึง 330 ล้านบาท (+41% เมื่อเทียบรายไตรมาส +46%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา) หนุนด้วยปริมาณส่งมอบโครงสร้างเหล็กรวม 2.25 หมื่นตัน