โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 ปิดลบเมื่อคืนนี้เป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว เนื่องจากผลประกอบการรายไตรมาสที่เป็นบวกของบริษัทต่าง ๆ ไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดโดยรวมหลุดพ้นจากภาวะที่ย่ำแย่ ขณะที่นักลงทุนหวังว่ายอดค้าปลีกจะกระเตื้องขึ้น ก่อนจะมีการประกาศตัวเลขในคืนนี้
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.33% ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.16% หรือ 54 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 0.70%
ธนาคารต่าง ๆ ยังคงรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเหนือความคาดหมาย ซึ่งช่วยให้หุ้นกลุ่มการเงินหลุดพ้นจากแดนลบก่อนหน้านี้ แม้ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
Morgan Stanley (NYSE:MS) ปิดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสสองดีเกินความคาดหมาย เนื่องจากความแข็งแกร่งในการซื้อขายหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมวาณิชธนกิจช่วยเสริมผลกำไร
บรรดาธนาคารส่วนภูมิภาคอย่าง US Bancorp (NYSE:USB) และ Truist Financial (NYSE:TFC) ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาดเช่นกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 2%
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการรายไตรมาสที่เป็นบวกเหล่านั้นไม่เพียงพอที่จะพยุงตลาดเอาไว้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีเป็นขาลง
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงมากกว่า 1% ตามราคาน้ำมันที่ลดลงจากการคาดการณ์ว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นหลังจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีการประนีประนอมกันแล้ว ซึ่งน่าจะนำไปสู่การผ่อนคลายการควบคุมการผลิต
หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาระดับราคาเอาไว้
ราคาหุ้น Apple (NASDAQ:AAPL), Amazon (NASDAQ:AMZN), Facebook (NASDAQ:FB), Alphabet (NASDAQ:{{) 6369|GOOGL}}) และ Microsoft (NASDAQ:MSFT ต่างพากันติดลบ
ในด้านเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 26,000 เป็น 360,000 จาก 386,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า
สภาวการณ์ตลาดแย่ลงเพียงหนึ่งวันก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกที่จะมาตรวัดความแข็งแกร่งของผู้บริโภค โดยคาดว่าจะดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิถุนายนหลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือนพฤษภาคม
ผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสองในสามของการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น ได้รับการคาดหวังว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยและค้ำชูตลาดเอาไว้เมื่อเฟดเริ่มกระชับนโยบายทางการเงิน
“การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากภาวะถดถอย ผู้บริโภคต้องเข้ามามีบทบาทอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เฟดถอนมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ” ดาร์เรน ชูริงกา ซีอีโอของ ASYMmetric ETF กล่าวกับ Investing.com
เมื่อมองไปข้างหน้า บางคนกำลังคาดการณ์การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของตลาดหุ้น ซึ่งรวมถึงการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้นได้
"จากมุมมองทางเทคนิคและสภาวะแวดล้อมระดับมหภาคในปัจจุบัน เราอาจเห็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นสหรัฐในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป ซึ่งอาจรวมถึงการปรับฐานของ S&P 500 ครั้งใหญ่กว่าที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะปรับตัวลดลง 10% (หรือมากกว่านั้น) ในช่วงครึ่งหลังของปี” มาร์ค ลุชชินี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Janney Montgomery Scott กล่าว