โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวจากการร่วงต่ำโดยดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนปิดตลาดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ช่วยพยุงตลาดโดยการรักษาระดับราคาไว้ได้ หลังจากบรรดาหุ้นที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจพากันร่วง ท่ามกลางความกลัวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังจะสิ้นสุดลง
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.2% แต่ลดลงเกือบ 0.9% ที่จุดต่ำสุดของวัน ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.6% หรือ 208 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.17%
กิจกรรมด้านบริการซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของภาคเอกชนในสหรัฐ ลดลงเกินคาด ทำให้เกิดความกลัวว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะจบลง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของ ISM เดือนมิถุนายน ลดลงมาอยู่ที่ 60.1 จุดจาก 64.0 ในเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขจะลดลงเหลือ 63.5
Jefferies (NYSE:JEF) ระบุว่า "การเปิดภาคบริการทั่วประเทศอีกครั้งยังคงสนับสนุนตัวเลขที่แข็งแกร่งในดัชนีเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนได้จางหายไปบางส่วนในขณะที่สหรัฐกำลังเร่งเปิดภาคธุกิจใหม่โดยเร็วที่สุด"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และเผชิญกับการทดสอบครั้งสำคัญที่อาจสร้างปัญหาให้กับภาคส่วนของตลาดที่เคลื่อนไหวควบคู่ไปกับเศรษฐกิจ เช่น หุ้นวัฏจักร แต่ก็อาจช่วยกระตุ้นภาคการเติบโต เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม Wells Fargo (NYSE:WFC) มองเห็นคุณค่าในกลุ่มหุ้นวัฏจักรและมองว่ามีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะหุ้นธนาคารรายใหญ่
Wells Fargo ระบุว่า "แรงกดดันด้านต้นทุนแรงงานและความพยายามทางธุรกิจในการบรรเทาผลกระทบเหล่านี้ช่วยสนับสนุนการจัดพอร์ตของเราที่เน้นหลักทรัพย์ที่เพิ่มผลตอบแทน รวมถึงหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจและกลุ่มอุตสาหกรรม เราเชื่อว่ากลุ่มการเงินยังมีอัพไซด์อีกมากและยังคงมีแนวโน้มที่ดีในสภาพแวดล้อมเชิงวัฏจักรในปัจจุบัน”
กลุ่มพลังงานคือกลุ่มที่ลดลงมากที่สุดเมื่อคืนนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีหลังจากกลุ่ม OPEC+ ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับข้อตกลงการส่งออก แต่ราคาหุ้นพลิกผันเนื่องจากความกังวลว่าการต่อสู้แบบเผชิญหน้าจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อข้อตกลงด้านการผลิตโดยรวม
ในขณะเดียวกัน หุ้นเทคโนโลยีก็ปิดตลาดด้วยราคาที่สูงขึ้น แม้จะมีความผันผวนระหว่างวัน นำโดยหุ้น Amazon
Amazon (NASDAQ:AMZN) พุ่งขึ้น 4% หลังจากที่เพ็นตากอนกล่าวว่า จะยกเลิกสัญญาคลาวด์คอมพิวติ้งมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ที่มอบให้กับ Microsoft โดยจะให้ Microsoft และ Amazon ยื่นเสนอราคาอีกครั้ง หลังจากที่ฝ่ายหลังท้าทายด้วยการนำเสนอข้อสัญญาที่ดีกว่า
ราคาหุ้น Microsoft (NASDAQ:MSFT ทรงตัว ขณะที่ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Apple (NASDAQ:AAPL) ปิดบวก ส่วน Facebook (NASDAQ:FB) ปิดลบ
ความเชื่อมั่นในหุ้นเทคโนโลยีของจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ ได้รับผลกระทบจากการที่ราคาหุ้น Didi Global (NYSE:DIDI) ร่วงลง หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนประกาศทบทวนความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทเรียกรถรับส่งรายนี้ จากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อให้เกิดความกลัวว่า จีนกำลังมองหาแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีของจีนในต่างประเทศ จนอาจส่งผลกระทบต่อการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปในสหรัฐ
ราคาหุ้น Baidu (NASDAQ) :BIDU), Alibaba (NYSE:BABA) และ JD.com Adr (NASDAQ:JD) ต่างปรับตัวลดลงอย่างหนัก