โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 ปิดลบเล็กน้อย ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขยับขึ้นสวนทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงจากแถลงการณ์ของเฟด
ดัชนี S&P 500 ลดลงเพียง 0.04% ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.63% หรือ 217 จุด และ ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.33%
อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตร ที่ลดลง แสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่จะลดการเติบโต ในช่วงเวลาที่เฟดมองว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเป็นการชั่วคราว ทำให้เกิดส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบในการผลักดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากการที่นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโต
"มุมมองของเฟดที่ว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นเพียงภาวะชั่วคราวเริ่มมีความน่าเชื่อถือ และผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ลดลงจะทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งแรงไม่หยุด เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังจะสิ้นสุดลง” แจนนีย์ มอนต์โกเมอรี่ สก็อตต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายอื่นมองว่า อัตราผลตอบแทนจะลดลงในระยะสั้นเท่านั้น และสาเหตุน่าจะเกิดจากอุปทานที่กำลังลดน้อยลง
เดวิด วากเนอร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Aptus Capital Advisors ให้สัมภาษณ์กับ Investing.com ว่า "อุปทานพันธบัตรได้ลดน้อยลง" โดยในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด เพดานหนี้และสัดส่วนการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐถูกปรับเปลี่ยนไป แต่คาดว่านโยบายเดิมจะถูกนำมาใช้อีกครั้งในวันที่ 31 กรกฎาคม
ในช่วงก่อนกำหนดเส้นตาย รัฐบาลใช้เงินสดจากงบดุลหรือบัญชีหลักของกระทรวงการคลัง แทนที่หาเงินผ่านการขายพันธบัตร แม้ว่าอุปทานจะลดลง แต่เฟดยังคงซื้อพันธบัตรและผลักดันราคาให้สูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนต่ำลง
“รัฐบาลไม่ได้ออกพันธบัตรมากเท่าเมื่อก่อน แต่เฟดยังคงซื้อพันธบัตรมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์ทุกเดือน และพวกเขายังคงเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทางยุโรปด้วย” วากเนอร์กล่าวเสริม "เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานลดลง อัตราผลตอบแทนจะถูกกดดัน และนั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้"
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทคโนโลยีมุ่งเน้นไปที่ปัจจุบันและไม่ได้ให้ความสนใจมากนักว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนจะเป็นเพียงการชั่วคราวหรือไม่ เพราะมันอยู่ในฐานะหุ้นที่กำลังเติบโต
ราคาหุ้น Alphabet (NASDAQ:GOOGL), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Apple (NASDAQ:AAPL), Amazon.com (NASDAQ:AMZN) และ Facebook (NASDAQ:FB) ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ยังหนุนกลุ่มเทคโนโลยีด้วย โดยราคาหุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA), Micron (NASDAQ:MU) และ Qualcomm (NASDAQ:QCOM) เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะที่หุ้นวัฏจักรค่อนข้างแย่ เนื่องจากนักลงทุนเบนความสนใจจากหุ้นคุณค่าไปสู่หุ้นเติบโตอีกครั้ง
หุ้นกลุ่มการเงินถูกหุ้นธนาคารลากให้ต่ำลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ
ราคาหุ้น JPMorgan (NYSE:JPM), Goldman Sachs (NYSE:GS) และ Bank of America Corp (NYSE:BAC) ร่วงลงมากกว่า 3%
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลเสียต่อผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ธนาคารได้รับจากผลิตภัณฑ์เงินกู้หรือส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยที่เกิดจากธนาคารและจำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับผู้ฝากเงิน
อย่างไรก็ตาม หากอัตราสูงขึ้น กลุ่มหุ้นวัฏจักรที่เคลื่อนไหวควบคู่ไปกับเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
“ในช่วงแรกของปีนี้ หลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าในเวลาที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ บรรดาหุ้นวัฏจักรทั้งหลาย ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง ผมคิดว่ายังมีหนทางอีกไกลสำหรับหุ้นกลุ่มนี้ มากกว่าหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ” วากเนอร์กล่าวทิ้งท้าย