รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

S&P 500 ทรงตัว หุ้นพลังงานดันตลาดไม่ขึ้น

เผยแพร่ 02/06/2564 03:22
อัพเดท 02/06/2564 03:26
© Reuters.

โดย Yasin Ebrahim

Investing.com – ดัชนี S&P 500 ทรงตัวในวันอังคารแบบไร้ทิศทาง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น แต่ตลาดถูกรั้งไว้ด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพ

S&P 500 ลดลง 0.05% ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.14% หรือ 46 จุด และ ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 0.1%

กลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากราคาน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม  2018 จากการคาดการณ์อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มโอเปกและพันธมิตรตกลงที่จะเพิ่มการผลิตประมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้

กลุ่มการเงิน โดยเฉพาะธนาคารส่วนใหญ่ ได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยให้กับธนาคาร

JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM), Wells Fargo (NYSE:WFC) และ Bank of America (NYSE:BAC) เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 %

การเริ่มต้นสัปดาห์แห่งการซื้อขายอย่างแข็งแกร่งสำหรับหุ้นวัฏจักรเกิดขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงเดิมพันว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก

Wells Fargo ระบุว่า "แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้เราโน้มเอียงไปหาหุ้นวัฎจักร เราชอบหุ้นกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร พลังงาน การเงิน อุตสาหกรรม และวัสดุก่อสร้าง"

อย่างไรก็ตาม บางคนได้ออกมาเตือนว่า อย่ามั่นใจมากเกินไปว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะทำให้ตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้น

“ปีที่แล้ว เรามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น” ฟิลลิป ทูวส์ ซีอีโอและผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Toews Asset Management กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Investing.com "ผมคิดว่าเราควรให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตกับตลาดหุ้นที่กำลังเติบโต"

ในขณะเดียวกัน ตลาดโดยรวมอาจมีหนทางที่ยากลำบาก หากการเน้นไปที่คุณค่ามากกว่าการเติบโตยังคงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไว้ ท่ามกลางตลาดที่ได้รับแรงผลักดันจนมีมูลค่าสูงเกินไป

“ตลาดกำลังมีมูลค่าสูงเกินไป เราควรเน้นที่การประเมินมูลค่าที่แท้จริง และตอนนี้มันถูกประเมินไว้สูง” ทูวส์กล่าวเสริม "ท้ายที่สุดแล้ว หากกลุ่มเทคโนโลยีประสบปัญหาและกลายเป็นขาลง มันจะฉุดตลาดอื่น ๆ ที่เหลือให้ต่ำลงไปด้วย"

ราคาหุ้น Apple (NASDAQ:AAPL) และ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ขยับลง ขณะที่ราคาหุ้น Amazon (NASDAQ:AMZN), Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Facebook (NASDAQ:FB) คละเคล้ากันไป

หุ้นเทคโนโลยีจะยังคงได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางการถกเถียงอย่างต่อเนื่องว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่

ธนาคารกลางสหรัฐยังยืนกรานว่า ปัจจัยที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นนั้นเป็นเพียงการชั่วคราว  แต่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดบางราย รวมถึงโมฮัมเหม็ด เอล เอเรียน หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ Allianz (DE:ALVG) ออกมาเตือนอีกครั้งว่า เฟดกำลังล้าหลังและในที่สุดอาจถูกบีบให้ควบคุมมาตรการนโยบายการเงินในเชิงรุกมากขึ้นและเร็วกว่าที่คาดไว้

"ผมคงเห็นด้วยกับเอเรียนว่า ปัญหาด้านกำลังการผลิตและการขาดแคลนอุปทานล้วนเป็นสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อ" ทูวส์กล่าวเสริม “โดยปกติแล้ว เฟดมักจะกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการทำให้แน่ใจว่าพวกเขารับมือกับปัญหาเงินเฟ้อได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เฟดเคยชินกับการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจไม่สามารถทำให้สมการเกิดความสมดุล ซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าที่ของพวกเขา"

หุ้นกลุ่มสุขภาพลดลงมากกว่า 1% จากการร่วงลงของ Abbott Laboratories (NYSE:ABT), Thermo Fisher Scientific (NYSE:TMO) และ Danaher (NYSE:DHR). 

Johnson & Johnson ลดลงมากกว่า 2% หลังจากที่ศาลฎีกาปฏิเสธคำอุทธรณ์ของบริษัทที่พยายามยกเลิกคำร้องเรียกค่าเสียหาย 2.1 พันล้านดอลลาร์ จากข้อกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์แป้งทาตัวรวมถึงแป้งเด็กทำให้เกิดโรคมะเร็ง

หุ้นยอดนิยมของชาว Reddit เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว นำโดย AMC Entertainment ที่เพิ่มขึ้น 23% (NYSE:AMC) แม้ว่าเครือข่ายโรงภาพยนตร์รายนี้ จะขายหุ้นสามัญจำนวน 8.5 ล้านหุ้นให้กับ Mudrick Capital เพื่อระดมทุนประมาณ 230.5 ล้านดอลลาร์

หุ้นอื่น ๆ เช่น Cloudera (NYSE:CLDR) พุ่งขึ้น 24% หลังจาก KKR และ Clayton Dubilier & Rice ตกลงซื้อบริษัทในราคาประมาณ 5.3 พันล้านดอลลาร์



ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย