Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐขยับลงเล็กน้อยในช่วงเย็นวันจันทร์ หลังจากที่วอลล์สตรีทดีดตัวแรงจากรายงานที่ว่าภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน อาจไม่รุนแรงอย่างที่กังวลกัน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงขู่จะเก็บภาษีต่อไป ขณะเดียวกัน ความระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ก็จำกัดการปรับขึ้นของตลาด แม้ว่าดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐจะฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหกเดือนที่ผ่านมา
ทรัมป์ยังได้กำหนดภาษีนำเข้าสูงถึง 25% สำหรับประเทศที่ซื้อขายน้ำมันกับเวเนซุเอลา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อตลาดอีกครั้ง
หุ้น Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) เป็นหนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นในวันจันทร์ โดยดีดกลับขึ้นเกือบ 12% หลังร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบห้าเดือนเมื่อต้นเดือนนี้ หุ้นยังเพิ่มขึ้นอีกราว 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
หุ้นขวัญใจตลาดอย่าง NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็โดนเทขายอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 0.4% ในการซื้อขายช่วงเย็น หลังจากที่พุ่งขึ้น 3% ในระหว่างวัน
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% มาเป็น 5,810.25 จุด ส่วน Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% มาอยู่ที่ 20,349.75 จุด ณ เวลา 07:22 น. (GMT+7) ด้าน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% มาเป็น 42,867.0 จุด
ข้อมูลดัชนี PMI ที่ออกมาดีกว่าคาดในเดือนมีนาคมก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดด้วยเช่นกัน
วอลล์สตรีทดีดกลับจากความหวังว่าภาษีทรัมป์จะผ่อนคลาย
การปรับตัวขึ้นของวอลล์สตรีทในวันจันทร์เป็นผลมาจากความหวังว่าทรัมป์จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในแผนการจัดเก็บภาษีของเขา รายงานจาก Bloomberg และ Wall Street Journal เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ระบุว่า ภาษีบางรายการของทรัมป์ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเขาเรียกว่า "วันปลดปล่อย" นั้นจะครอบคลุมเพียงบางภาคส่วนเท่านั้น และภาษีตอบโต้ก็จะเน้นเป้าหมายแคบกว่าที่เคยคาดไว้
ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าในกลุ่มยานยนต์ ยา และอะลูมิเนียมใน "อนาคตอันใกล้" และจะมีการจัดเก็บภาษีไม้แปรรูปและเซมิคอนดักเตอร์ตามมาในภายหลัง
รายงานช่วงสุดสัปดาห์ยังระบุด้วยว่า ทรัมป์มีแนวโน้มจะตั้งเป้าใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับกลุ่มประเทศประมาณ 15 ประเทศที่มีดุลการค้ากับสหรัฐฯ ไม่สมดุล ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาษีแบบครอบคลุมทั่วทั้งอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงรอดูว่าแผนภาษีของทรัมป์จะออกมาในรูปแบบใด และจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก ประเด็นนี้สร้างแรงกดดันให้วอลล์สตรีตตลอดเดือนที่ผ่านมา จนดัชนีต่าง ๆ ร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน และเข้าสู่เขตปรับฐาน
ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.8% ปิดที่ 5,767.57 จุดในวันจันทร์ ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต พุ่งขึ้น 2.3% ปิดที่ 18,188.59 จุด และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.4% ปิดที่ 42,583.32 จุด
จับตาข้อมูล PCE และสัญญาณเศรษฐกิจอื่น ๆ
ความสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้จึงมุ่งไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่วงต้นของการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ มีกำหนดการจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูล core PCE ที่ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ถูกคาดว่าจะยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของเฟดในเดือนกุมภาพันธ์
ก่อนหน้านั้น ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ฉบับปรับปรุงก็กำลังจะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี และข้อมูลราคากับยอดขายบ้านจะเผยแพร่ในวันพุธ