Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันนี้ นำโดยหุ้นเทคโนโลยีจีนที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรายงานการทำข้อตกลงควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ในภาคเทคโนโลยีของญี่ปุ่น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐที่ร้อนแรง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในเอเชียโดยรวมปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังว่า AI จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนภาคส่วนนี้ในอีกหลายปีข้างหน้า
ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อแรงกดดันจากวอลล์สตรีท ซึ่งร่วงลงเมื่อคืนนี้หลังจากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวก็ยิ่งลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การขาดทุนของตลาดก็ถูกจำกัดด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง โดยหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชีย
ถึงกระนั้น ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกลับยังคงเปราะบางจากนโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดขึ้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ในอัตราสูงในสัปดาห์นี้ และขู่ว่าจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ
หุ้นเทคจีนพุ่งต่อเนื่องจากกระแส AI
ดัชนี CSI 300 และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงพุ่งขึ้น 1.1% แตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นระหว่าง 5% ถึง 15% นับตั้งแต่กลางเดือนมกราคม โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพของจีนในด้าน AI ซึ่งถูกกระตุ้นจากการเปิดตัว DeepSeek R1 ในช่วงปลายเดือนมกราคม
นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุว่า การปรับตัวขึ้นของหุ้นจีนยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป โดยอ้างอิงจากแนวโน้มในอดีตของตลาดจีนที่เคยได้รับแรงหนุนจากกระแสการลงทุนในธีมเฉพาะ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI แล้ว บรรยากาศการลงทุนในตลาดจีนโดยรวมยังคงไม่สดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% จากสินค้าจีน ทำให้ทางการปักกิ่งออกมาตรการตอบโต้
หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นจากเงินเยนที่อ่อนค่าและดีล M&A ในภาคเทคโนโลยี
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่ TOPIX เพิ่มขึ้น 0.9%
แรงหนุนหลักนั้นมาจากหุ้นกลุ่มส่งออก ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินเยนอย่างรวดเร็วในสัปดาห์นี้ โดยคู่สกุลเงิน USD/JPY ปรับตัวขึ้นแรงจากระดับต่ำสุดในรอบสองเดือนเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อ PPI ของญี่ปุ่นในเดือนมกราคมจะออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ก็ตาม
หุ้นของบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ Trend Micro (OTC:TMICY) Inc. (TYO:4704) ถือเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นดีที่สุดในดัชนี Nikkei โดยพุ่งขึ้นกว่า 16% หลังจากรอยเตอร์สรายงานว่าบริษัทกำลังตกเป็นเป้าหมายของสงครามประมูลซื้อกิจการจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนภาคเอกชนหลายแห่ง รวมถึง Bain Capital กับ Advent International และ EQT (ST:EQTAB)
ตลาดหุ้นในเอเชียโดยรวมปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังคงแข็งแกร่ง ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ยังได้ย้ำแนวโน้มดังกล่าวในการให้การต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.2% ขณะที่ดัชนี STI ของสิงคโปร์ลดลง 0.2%
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 0.9% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผลิตชิป ซึ่งได้รับอานิสงส์จากกระแส AI ในจีน
ดัชนีฟิวเจอร์สของ Nifty 50 ของอินเดียมีแนวโน้มเปิดตลาดในแดนบวกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nifty กลับยังคงปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่หก เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อตลาดอินเดียแย่ลง นอกจากนี้ ภัยคุกคามจากการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐต่ออินเดียก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันหุ้นในประเทศ