Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐทรงตัวในคืนวันจันทร์ หลังจาก Nasdaq ร่วงลงกว่า 3% เนื่องจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกกระตุ้นโดย DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ AI จากจีน ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์นี้
S&P 500 ฟิวเจอร์ส แทบไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 6,049.25 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 21,304.50 จุด ณ เวลา 06:42 น.(GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% มาเป็น 44,841.0 จุด
บริษัท AI ของจีนจุดชนวนการเทขายหุ้นเทคโนโลยี
DeepSeek ได้เปิดเผยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI ซึ่งอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงที่บริษัทในสหรัฐฯ อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาด
ด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีอยู่แล้ว ความก้าวหน้าของบริษัทจีนรายใหญ่ เช่น DeepSeek ก็ได้เพิ่มความไม่แน่นอนสำหรับผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพาตลาดต่างประเทศเพื่อการเติบโต
ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการในอนาคตและความสามารถของบริษัทอเมริกันในการรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีจึงได้เพิ่มแรงกดดันให้กับกลุ่มนี้
หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ต่างปรับตัวลดลงอย่างหนัก
NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ร่วงลงเกือบ 17% ด้าน Advanced Micro Devices Inc (NASDAQ:AMD) (AMD) ลดลง 6.4%
Broadcom Inc (NASDAQ:AVGO) ลดลง 17.4% ส่วน Oracle Corporation (NYSE:ORCL) ร่วงลงเกือบ 14%
ด้านหุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่าง Apple Inc (NASDAQ:AAPL) Alphabet (NASDAQ:GOOG) Intel Corporation (NASDAQ:INTC) และ Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ต่างก็ลดลงเช่นกัน
โดยขณะนี้นักลงทุนกำลังพิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว NASDAQ คอมโพสิต ลดลง 3.1% ปิดที่ 19,341.83 จุดในวันจันทร์ ขณะที่ อุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ 44,713.58 จุด และ S&P 500 ลดลง 1.5% มาเป็น 6,012.28 จุด
จับตาการประชุมเฟด ข้อมูลเงินเฟ้อ และรายงานผลประกอบการ
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังต้องให้ความสำคัญกับ การประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์
โดยคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อสิ้นสุดการประชุมในวันพุธ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอยู่ในช่วง 4.25%-4.50%
ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และประมาณการ GDP ล่วงหน้าสำหรับไตรมาสที่สี่ ก็มีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังรอรายงานผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta Platforms Inc (NASDAQ:META) Microsoft และ Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะของภาคเทคโนโลยีและเป็นแนวทางสำหรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงวันข้างหน้า