ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 140.82 จุด หลังข้อมูลศก.-ผลประกอบการไร้ทิศทาง

เผยแพร่ 25/01/2568 13:33
© Reuters.  ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 140.82 จุด หลังข้อมูลศก.-ผลประกอบการไร้ทิศทาง

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย ขณะที่พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการที่ไร้ทิศทาง และเตรียมพร้อมสำหรับสัปดาห์หน้าที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากและการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,424.25 จุด ลดลง 140.82 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,101.24 จุด ลดลง 17.47 จุด หรือ -0.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,954.30 จุด ลดลง 99.38 จุด หรือ -0.50%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดตลาดลงมากที่สุด เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงผู้นำด้านชิปปัญญาประดิษฐ์อย่างอินวิเดีย (Nvidia) ปรับตัวลงหลังจากทะยานขึ้นอย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์

ข้อมูลตลาดบ้านออกมาร้อนแรงกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ผลสำรวจของ S&P Global แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนม.ค.เนื่องจากราคาสินค้าสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทต่าง ๆ รายงานว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนแนวทางที่ระมัดระวังของเฟดในการดำเนินนโยบายการเงินในปีนี้

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 71.1 จากการประเมินครั้งก่อนที่ 73.2

ในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างน้อยนั้น ข้อมูลล่าสุดจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า รวมถึงการประชุมเฟด ขณะเดียวกันก็จะติดตามความคืบหน้าด้านนโยบายจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นักลงทุนกังวลว่าการเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่เขาพูดถึงนโยบายการค้าหลายครั้งในสัปดาห์นี้ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนดังกล่าว

ทรัมป์กล่าวว่าอาจมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา จีน และสหภาพยุโรปในวันที่ 1 ก.พ. แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า แผนการที่สำคัญอาจมีการประกาศในวันที่ 1 เม.ย.

ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.15%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.74% และดัชนี Nasdaq บวก 1.65%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มบริการสื่อสารเพิ่มขึ้น 1.09% นำตลาด ตามมาด้วยกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเพิ่มขึ้น 1.07%

แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ (Texas Instruments) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปร่วงลง 7.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาสแรกต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาสต็อกสินค้าล้นในตลาดยานยนต์และตลาดอุตสาหกรรมที่สำคัญ

หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 3.1% ซึ่งถ่วงดัชนี S&P500 ลงมากที่สุด, หุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ลดลง 0.6% และหุ้นเทสลา (Tesla (NASDAQ:TSLA)) ลดลง 1.4%

ดัชนีดาวโจนส์ถูกกดดันจากหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American Express) ที่ร่วงลง 1.4% แม้รายงานผลกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 12%

หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ฉุดดัชนีดาวโจนส์ลงด้วย โดยร่วงลง 1.4% หลังจากเตือนว่าบริษัทอาจจะขาดทุนในไตรมาส 4/2567 ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ โดยโบอิ้งมีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันอังคารหน้า (28 ม.ค.)

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย