รับข้อมูลพรีเมียมสำหรับมหกรรมลดราคา Cyber Monday: ลดสูงสุด 55% InvestingProรับส่วนลด

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ “Falling Knife” ในการเทรดคริปโต

เผยแพร่ 02/04/2566 01:14
อัพเดท 02/04/2566 05:10
© Reuters.  สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ “Falling Knife” ในการเทรดคริปโต
DX
-
XRP/USD
-
LUNAt/USD
-
COIN
-

BeInCrypto - หัวข้อต่างๆ ในบทความ

  • “Falling Knife” มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
  • “มีดที่กำลังร่วงหล่น” บอกอะไรคุณได้อีกบ้าง?
  • ปัจจัยที่นำไปสู่ “มีดที่กำลังร่วงหล่น”
    • Falling Knife: ระดับแนวรับลวงคืออะไร?
      • จำแนกรูปแบบ Falling Knife: วิกฤต Terra-LUNA
        • วิธีตรวจสอบว่ามีดจะตกลงไปลึกเพียงใด: ค้นหาจุดต่ำสุดของตลาด
          • เหตุผลที่คุณควรเลี่ยงการซื้อขายช่วง Falling Knife
            • คุณจะสามารถเทรดในช่วง Falling Knife ได้เมื่อใด?
              • คำศัพท์ที่คุณอาจจะสับสนกับ Falling Knife
                • เทรดหรือไม่เทรดในช่วง Falling Knife ดี?
                • คำถามที่พบบ่อย

                มีอยู่หลายสิ่งที่นักเทรดคริปโตจะต้องระวังเป็นอย่างมาก: อารมณ์ของตลาด, ระดับราคาของคริปโตแต่ละรายการ, ตัวชี้วัดการเทรด และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่มีอะไรที่เตรียมให้คุณพร้อมได้สำหรับสิ่งที่เรียกกันว่า “Falling Knife” ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์ใดๆ “ร่วงลง” อย่างรวดเร็ว

                “Falling Knife” เป็นรูปแบบการซื้อขายหรือความเป็นจริงของการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโต นักเทรดไม่ควรพยายามที่จะรับ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” เพราะนั่นหมายถึงว่าเรากำลังพยายามจะฝืนแรงโน้มถ่วงซึ่งอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียได้ บทความนี้เราจะมาพิจารณาถึงเรื่องสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์นี้, ตัวอย่างของสินทรัพย์ที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว, ทำไมคุณถึงไม่ควรช้อนซื้อสินทรัพย์เหล่านี้, วิธีการอ่านการเกิดปรากฏการณ์นี้, ตัวชี้วัดที่ใช้ได้ดีที่สุดกับรูปแบบนี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

                ต้องการข้อมูลเชิงลึกในเรื่องจากซื้อขายจากนักเทรดมือโปรหรือไม่? เข้าร่วม BeInCrypto Trading Community บน Telegram สิ: สอบถามข้อมูลต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญของ BeInCrypto รับชมคอร์สพื้นฐานการซื้อขายฟรี พูดคุยกันเรื่องโปรเจกต์คริปโตต่างๆ และรับข้อเสนอและโบนัสสุดพิเศษจากแพลตฟอร์มคริปโตที่น่ารักที่สุดของเรา! เข้าร่วมเลยเดี๋ยวนี้

                “Falling Knife” มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

                “Falling Knife” หรือ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ไม่เชิงว่าเป็นรูปแบบของราคา แต่มันคือสถานการณ์ที่ราคาของคริปโตดิ่งลงเป็นอย่างมากผ่านระดับแนวรับหลายๆ ระดับและลงไปถึงจุดต่ำสุดในท้ายที่สุด สำหรับนักเทรดแล้ว ไอเดียของการระบุจุดต่ำสุดของราคาที่ร่วงลงมานั้น อาจจะเป็นโอกาสของพวกเขาในการช้อนซื้อคริปโตเหล่านั้นได้

                คำว่า “มีดที่กำลังร่วงหล่น” นั้นไม่ได้ฟังดูอันตรายเพียงในเชิงของภาษาเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหมือนคำเตือนให้กับเหล่านักเทรดว่า การซื้อสินทรัพย์ที่ราคาต่ำอย่างมากนั้นอาจจะมีความเสี่ยงได้หากโมเมนตัมขาลงนั้นแข็งแกร่งเกินไป

                มันแตกต่างจากการชะลอตัวหรือการปรับฐานของตลาดตรงที่มันมักจะมีการรีบาวด์ (การเด้งกลับของราคา) หลังจากที่ราคาลดลง สภาวะ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” นั้นดูจะเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากกว่า เพราะว่าราคานั้นจะลดลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน 2 อย่างนี้เกิดขึ้น: การเด้งกลับของราคาในท้ายที่สุด หรือ การพังทลายของมูลค่าอย่างถาวร ไม่ว่าผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยควรจะเป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึงเมื่อจับตามองปรากฏการณ์นี้

                “มีดที่กำลังร่วงหล่น” บอกอะไรคุณได้อีกบ้าง?

                ตอนนี้เรารู้แล้วว่าคำว่า “Falling Knife” หมายถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของราคาคริปโต (หรือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนใดๆ) ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจาก อารมณ์ในเชิงลบ, แรงกดดันในการขายที่สะสม, และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายประการ

                ต่อไปนี้คือข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่คุณจะสามารถรับรู้ได้จาก “มีดที่กำลังร่วงหล่น”:

              • การระบุถึง “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณวางแผนในการชายสินทรัพย์ได้ทันท่วงที
              • เนื่องจากราคาคริปโตลดลงอย่างต่อเนื่อง มันอาจจะบ่งบอกถึงความรู้สึกทางด้านลบที่เกิดขึ้นต่อสินทรัพย์ดังกล่าว
              • “มีดที่กำลังร่วงหล่น” สามารถเกิดในกรอบเวลาใดก็ได้ แต่มันยิ่งยาวเท่าไร ก็ยิ่งบ่งบอกถึงสถานการณ์ตลาดได้แม่นยำขึ้นเท่านั้น สำหรับคริปโต เราจะสามารถพบรูปแบบ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ได้เป็นปกติในกราฟราคาแบบรายชั่วโมง ดังนั้น ไม่ต้องมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
              • นี่คือตัวอย่างของกราฟราคา BTC-USD ที่แสดงให้เห็นถึงการลดลงของราคาเป็นอย่างมาก ความเคลื่อนไหวของราคา BTC เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยลดลงจากระดับราคาที่ 23,400 ดอลลาร์ ลงไปต่ำกว่า 22,000 ดอลลาร์ ในกรอบเวลาที่เล็กลง

                ไม่ใช่ “มีดที่กำลังร่วงลง” ของ BTC: TradingView

                อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็นกราฟรายชั่วโมง เราอาจจะพิจารณาว่ามันเป็นการปรับฐานอย่างรวดเร็วได้ ไม่ใช่มีดที่กำลังร่วงหล่น

                ปัจจัยที่นำไปสู่ “มีดที่กำลังร่วงหล่น”

                การปรับฐานราคานั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณของกราฟราคา, ตัวชี้วัด, ภาพรวมของตลาดที่น่าเชื่อถือเข้ามาประกอบกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้ราคาคริปโต(หรือหุ้น)ร่วงลงเป็นอย่างมาก (เหมือนกับ Falling Knife) จะซับซ้อนกว่านั้น เราลองไปดูกันดีกว่า

                ปัจจับทางด้านเทคนิค

                ในฐานะที่เป็นนักเทรด เราควรจะให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” จากกราฟราคาเหนือสาเหตุอื่นๆ สำหรับคริปโตบางรายการแล้ว หากระดับแนวรับ (ระดับที่จะหยุดไม่ให้ราคาลดลงไปอีก) นั้นอยู่ใกล้กันเกินไป เมื่อระดับนึงถูกทะลวงลงไปได้ด้วยแรงขายอย่างมาก มันก็มีโอกาสอย่างมากที่ระดับแนวรับอื่นๆ จะถูกทะลวงลงไปได้เช่นกัน

                กราฟ ETH รายวันพร้อมระดับแนวรับ: TradingView

                เมื่อถูกทะลวงลงไปได้แล้ว แนวรับจะกลายเป็นแนวต้าน และหากมันเป็นระดับที่แข็งแกร่ง โอกาสที่จะเกิดการเด้งกลับก็จะมีต่ำมาก การเปลี่ยนแปลงของระดับแนวต้าน/แนวรับ (R/S Flips) หลายครั้งจึงสามารถกลายเป็นการเร่งให้เกิดความเคลื่อนไหวในเชิงลบได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปรากฏการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ในที่สุด

                “มีดที่กำลังร่วงหล่น” บนกราฟ ETH: TradingView

                นี่คือกราฟ ETH-USD ของ BitStamp โดยโฟกัสไปที่ราคาในปี 2018 ราคาของ ETH ในเดือนมกราคม 2018 นั้นขึ้นไปสูงถึง 1,422 ดอลลาร์ และลดลงไปต่ำสุดที่ 81 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2018 โปรดสังเกตว่าระดับแนวรับและแนวต้านในช่วงเริ่มต้นนั้นใกล้กันแค่ไหน

                อารมณ์ของตลาด

                คุณจำตอนที่รัฐบาลจีนประกาศปราบปรามการขุดคริปโตในปี 2021 ได้หรือไม่? เรื่องดังกล่าวถือเป็นตัวขับเคลื่อนทางอารมณ์ครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ราคาของ BTC มีการปรับฐานมากกว่า 50% ภายในช่วงเพียงแค่ 60 วัน ซึ่งนักเทรดบางคนถือว่าความเคลื่อนไหวในครั้งนี้คือมีดที่กำลังร่วงหล่น

                ราคา BTC ลดลงจากความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอ: TradingView

                หมายเหตุ: ต่างจากกราฟราคา ETH ที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ การลดลงของราคา BTC นั้นเป็นระยะที่สั้นกว่ามาก ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า สภาวะ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรอบเวลามากนัก มันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นหากเกิดแรงจูงใจที่เหมาะสม

                ในตลาดคริปโตนั้น ปัจจัยทางอารมณ์สามารถมีอิทธิพลต่อราคาได้เป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่แค่เพียงคริปโตเท่านั้น แม้แต่ตลาดหุ้นเองก็มีการตอบสนองต่ออารมณ์ของตลาดอย่างมากเช่นกัน

                ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน

                มันอาจจะมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ราคาคริปโตลดลงเป็นอย่างมาก เหตุผลหนึ่งคือเมื่ออุปทานของเหรียญหรือโทเค็นเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของตลาด การปลดล็อกโทเค็นอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานได้

                อีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานก็คือเมื่อผู้คนเริ่มซื้อสินทรัพย์เนื่องจากอารมณ์ที่อ่อนไหว ซึ่นำไปสู่ความต้องการ (อุปสงค์) ที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อกระดานเทรดชั้นนำไม่มีการลิสต์คริปโตดังกล่าวหรือไม่มีแม้กระทั่งการประกาศใดๆ อุปทานก็จะได้รับผลกระทบ ซึ่งจะนำไปสู่การที่ “นักเทรดตามกระแส” เทขายสถานะที่เปิดไว้ของพวกเขา สุดท้ายแล้ว มันก็จะนำไปสู่ความต้องการ (อุปสงค์) ที่ลดลงและทำให้ราคาลดลงเป็นอย่างมาก

                มีดที่กำลังร่วงหล่นของ XRP: TradingView

                ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ราคาของ XRP ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 3.32 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2018 เหลือเพียงเกือบ 0.60 ดอลลาร์ภายในช่วงเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ Coinbase (NASDAQ:COIN) ประกาศเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2017 ว่าจะยังไม่มีการลิสต์เหรียญ XRP ในอนาคตอันใกล้นี้

                การบังคับชำระบัญชี

                การเทรดโดยใช้เลเวอเรจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเภทสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอย่างคริปโต อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการบังคับชำระบัญชี ซึ่งการบังคับชำระบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติในพื้นที่คริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราของสินทรัพย์มีความเคลื่อนไหวขาขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และผู้คนเริ่มเปิดสถานะ Long โดยใช้เลเวอเรจเพื่อใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมขาขึ้นดังกล่าว

                จำตอนที่ราคา ETH ร่วงลงเป็นอย่างมากในช่วงเดือนมิถุนายน 2017 ได้หรือไม่? ราคาของมันลดลงจาก 415 ดอลลาร์ เหลือเพียง 140 ดอลลาร์ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 30 วันเนื่องด้วยเหตุการณ์แปลกๆ บางอย่าง ราคาเริ่มขยับขึ้นจนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2017 ซึ่งนักเทรดมากมายเปิดคำสั่ง Long โดยหวังว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก จากนั้น กระดานเทรด GDAX ก็พบคำสั่งขาย 100,000 ETH

                การชำระบัญชี ETH ส่งผลให้เกิด “มีดที่กำลังร่วงหล่น”: TradingView

                และนั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้ราคาลดลง เนื่องจากสถานะ Long จำนวนมากได้ถูกบังคับชำระบัญชีในเวลาต่อมา การบังคับชำระบัญชีรวมกับการขายอย่างตื่นตระหนก (ความไม่สมดุลของอุปสงค์-อุปทาน) ได้ทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว

                การปั่นราคา

                สถาบันต่างๆ ที่มีการถือคริปโตไว้ (สินทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจงใดๆ ก็ตาม) อาจจะซื้อหรือเทขายสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อปั่นราคาได้ เหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2017 เมื่อมีการเทขาย BTC กว่า 30,000 BTC บน Bitstamp ซึ่งส่งผลให้ราคาลดลง

                ต่อมาหลังจากนั้นก็พบว่าการเทขายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากบุคคลหรือหน่วยงานเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องตระหนักถึงเหตุการณ์การปั่นราคาที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายๆ กัน

                รายงานทางการเงิน

                บริษัทที่อยู่เบื้องหลังคริปโตใดๆ ก็ตามจะมีการเปิดเผยรายงานทางการเงินเป็นรายไตรมาส ซึ่งรายงานดังกล่าวอาจจะก่อให้เกิดผลที่ตามมาได้ เช่น Ripple Labs บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง XRP ได้เปิดเผยถึงรายงานทางการเงินที่ดูอ่อนแอในช่วงเดือนธันวาคม 2020 เมื่อ SEC ยื่นฟ้องบริษัท หลังจากนั้น Bitstamp และ Coinbase ก็ประกาศว่าพวกเขาอาจจะทำการเพิกถอนเหรียญ XRP จากกระดานเทรดของพวกเขา

                รายงานทางการเงินที่อ่อนแอนำไปสู่ความเชื่อมั่นของตลาดที่ย่ำแย่ซึ่งนำไปสู่ราคาที่ลดลงเกือบ 65% จากวันที่ 20 ธันวาคม 2020 ถึง 29 ธันวาคม 2022

                ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค

                เราทุกคนรู้ดีว่าพัฒนาการใดๆ ของเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้างนั้นส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาคริปโตอย่างไม่ปกติ ในปี 2022 เราจะเห็นได้ว่าผู้เล่นตลาดคริปโตต่างจับตามองอัตรา CPI และการที่ FED ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิดเพียงใด

                ผลกระทบของเศรษฐกิจมหภาคต่อ BTC: TradingView

                “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ปรากฏขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2020 เมื่อเกิดการเทขายครั้งใหญ่ในทรัพย์สินหลายประเภทเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 BTC ก็ไม่รอดเช่นกัน เนื่องจากเกิดการปรับฐานราคาเกือบ 60% ในช่วงไม่ถึง 10 วัน

                Falling Knife: ระดับแนวรับลวงคืออะไร?

                บางอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ก็คือ ระดับแนวรับต่างๆ อาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา ในสถานการณ์ดังกล่าว ราคาของสินทรัพย์นั้นจะลดลงตามปัจจัยดังที่เราได้กล่าวไปข้างต้น อย่างไรก็ตาม ราคาของคริปโตหรือหุ้นที่กำลังต่อสู้กับสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงในระยะสั้น ทำให้เกิดการเด้งกลับที่ทำให้นักเทรดประทับใจ นี่คือสิ่งที่นำเราไปสู่คอนเซปต์ของระดับแนวรับลวงหรือเท็จ

                ลองย้อนกลับไปดูที่กราฟราคา ETH ในช่วงต้นปี 2018 ซึ่งราคาลดลงจาก 1,400 ดอลลาร์เหลือ 400 ดอลลาร์ภายในไม่กี่เดือน โปรดสังเกตว่ามีระดับแนวรับอยู่หลายระดับก่อนที่ ETH จะร่วงลงไปถึงระดับราคา 400 ดอลลาร์ ซึ่งระดับแนวรับเหล่านี้ได้กลายเป็นแนวต้านไปในที่สุดเมื่อราคา ETH เริ่มขยับขึ้นอีกครั้งในปี 2020

                ระดับแนวรับลวง: TradingView

                นี่คือวิธีการที่คุณจะระบุระดับแนวรับลวงได้:

                ระดับแนวรับมากมายที่อยู่ใกล้กัน

                ในกรณีของการปั่นราคา ระดับแนวรับบางระดับแสดงให้เห็นได้ว่ามันมีความแข็งแกร่งมาก การถูกทดสอบซ้ำๆ โดยไม่มีการทะลุร่วงลงไปนั้นอาจจะเป็นการหลอกลวงนักเทรดที่ไม่ได้พิจารณาให้ดีได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรจะตรวจสอบว่ามันมีระดับแนวรับหลายระดับอยู่ใกล้กันหรือไม่ ซึ่งในกรณีดังกล่าว การทะลุร่วงลงจากแนวรับหนึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาได้อย่างต่อเนื่อง

                สภาพคล่องต่ำ

                หากคุณเห็นระดับแนวรับถูกทดสอบแต่กลับมีปริมาณการซื้อขายที่ต่ำ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่ากำลังจะเกิดการทะลุลงไป สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ถึงแม้ว่ารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวอย่าง Doji ปรากฏขึ้น นักลงทุนที่พึ่งพารูปแบบแท่งเทียนอาจจะมองว่ารูปแบบกลับตัวนี้อาจจะเกิดขึ้นจริง แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้ง รูปแบบการกลับตัวก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหรือสภาพคล่องที่ต่ำ

                รูปแบบมีดที่กำลังร่วงหล่นกับสภาพคล่องที่ต่ำ: TradingView

                นอกจากนี้ ให้มองหาไส้หรือเงาเทียนที่ยาวตรงที่แนวรับด้วย พวกมันเป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนของตลาดและมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นที่ราคาจะลดลงอย่างรวดเร็ว

                จำแนกรูปแบบ Falling Knife: วิกฤต Terra-LUNA

                ตอนนี้ เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ไปบ้างแล้วพอสมควร ต่อไป เราจะมาดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการล่มสลายของ Terra-LUNA ที่โด่งดังกัน

                ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกในเรื่องนี้ เรามาย้อนดูไทม์ไลน์ของมันกันก่อนดีกว่า:

                7 พฤษภาคม 2022: ราคาของ UST — ซึ่งเป็น Algorithmic Stablecoin ของระบบนิเวศ Terra — เริ่มหลุดจากมูลค่าที่ตรึงไว้ สัญญาณแรกของลางร้ายปรากฏขึ้นเมื่อ UST ลงไปแตะที่ 0.985 ดอลลาร์

                8 พฤษภาคม 2022: Do Kwon — ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ Terra — พูดติดตลกเกี่ยวกับความเสี่ยงในเรื่องการ Depeg จากนั้น Luna Foundation Guard หรือ LFG ประกาศแผนการที่จะสนับสนุนการตรึงราคา ซึ่งจะทำแม้กระทั่งการซื้อ BTC เพื่อสนับสนุน LUNA

                9 พฤษภาคม 2022: ราคาของ UST ลดลงเหลือ 35 เซนต์ต่อดอลลาร์ ราคาของ LUNA — สกุลเงินคริปโตที่ใช้ช่วยให้ UST ยังสามารถตรึงราคาได้ผ่านอัลกอริทึมการปรับสมดุล — เริ่มที่จะลดลง Do Known ทวีตว่า: “กำลังจะเพิ่มทุนมากขึ้น — นิ่งไว้ ทุกคน”

                11 พฤษภาคม 2022: กว่า 58% เดิมพันว่าราคาของ LUNA จะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วนำมาสู่การชำระบัญชีมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์

                12 พฤษภาคม 2022: ราคาของ LUNA ลดลงต่ำกว่า 10 เซนต์

                16 พฤษภาคม 2022: ประกาศแยกตัวเชนใหม่ LUNA ร่วงลงสู่จุดต่ำสุด สูญเสียมูลค่าไปกว่า 99% จากมูลค่าก่อนช่วงวิกฤต

                กราฟราคาของมันมีลักษณะอย่างไร?

                กราฟราคาแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” มีลักษณะอย่างไรสำหรับ LUNA

                กราฟราคา LUNA: TradingView

                7 พฤษภาคม 2022: ราคาอยู่ที่ 77.5 ดอลลาร์

                8 พฤษภาคม 2022: ราคาลดลงมาที่ 59.42 ดอลลาร์

                9 พฤษภาคม 2022: ราคาลดลงมาที่ 29.09 ดอลลาร์

                12 พฤษภาคม 2022: ราคาลดลงมาที่ 0.59 ดอลลาร์

                ราคาลดลงเหลือ 0.00001675 ดอลลาร์ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2022 และนั่นคือจุดต่ำสุดของมีดที่ร่วงหล่นนี้

                นักเทรดที่พยายามจะคว้ามีดนี้ไว้ (ช้อนซื้อ LUNA) ตลอดช่วงระหว่างวันที่ 7 ถึง 12 พฤษภาคม 2022 ก็ต้องพบกับความสูญเสียมากมาย

                ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเนื่องจากแทบไม่มีการเด้งกลับหรือการหยุดอยู่ที่แนวรับของ LUNA เลย ปัจจุบัน (ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2023) LUNA (LUNC) ซื้อขายอยู่ที่ 0.0001438 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 776% จากระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ 0.00001675 ดอลลาร์ นักเทรดผู้ที่ซื้อในช่วงราคาต่ำสุดก็สามารถทำกำไรได้บ้าง

                แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ดังกล่าว เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า “มีด” ที่ร่วงลงมานั้นจะไปหยุดที่ใด ดังนั้น มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากคุณจะเฝ้ามองมันจากวงนอก

                วิธีตรวจสอบว่ามีดจะตกลงไปลึกเพียงใด: ค้นหาจุดต่ำสุดของตลาด

                ไม่ใช่ทุกกราฟที่จะเคลื่อนไหวแบบที่ LUNA เป็น ในกรณีอื่นๆ นั้น หากราคาร่วงลงไป มันก็อาจจะมีการ Rebound (การเด้งกลับของราคา), Whipsaws (การแกว่งตัวของราคาอย่างรุนแรงแต่ไร้ทิศทางที่แน่นอน) และ Retest (การกลับมาชนแนวเดิมที่ได้เคยทะลุออกไปแล้ว) บ้างบางครั้ง ต่อไปนี้คือตัวชี้วัดที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้

                Relative Strength Index หรือ RSI เป็นตัวชี้วัดโมเมนตัมที่เชื่อถือได้ที่จะช่วยคุณในการทดสอบความลึกของ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” หากความเคลื่อนไหวขาลงพบว่าระดับ RSI อยู่ในโซนเป็นกลางหรือโซน Overbought (โซนที่มีแรงซื้อมากเกินไป) คุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาจะลดลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม หาก RSI อยู่ต่ำกว่า 30 หรือลงไปต่ำถึง 20 ราคาคริปโตหรือหุ้นอาจจะเตรียมขยับตัวสูงขึ้น

                RSI: TradingView

                โปรดสังเกตว่า RSI ที่ต่ำที่สุดที่เป็นไปได้ที่ราคาของ BTC ช่วยระบุจุดต่ำสุดของตลาดได้อย่างไร

                ปริมาณการซื้อขาย

                ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงอาจจะเป็นการเร่งความเคลื่อนไหวใดๆ ไปสู่ขาลงได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่คุณเริ่มเห็นปริมาณการซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น — แท่งสีเขียวที่สูงขึ้น — คุณสามารถคาดหวังได้ว่าราคาจะขยับตัวสูงขึ้น

                นี่คือกราฟ ETH ที่มีแท่งสีเขียวที่สูงขึ้นที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขาขึ้นจากด้านล่าง

                ปริมาณการเด้งกลับ: TradingView

                นอกเหนือจากตัวชี้วัดดังกล่าว คุณสามารถใช้ Bollinger Bands, ตัวชี้วัดโมเมนตัม MACD, รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว, รูปแบบกราฟราคามาตรฐาน และการฝ่าเส้นแนวโน้ม (Breakout) เพื่อระบุจุดต่ำสุด

                Bollinger Band: TradingView

                เหตุผลที่คุณควรเลี่ยงการซื้อขายช่วง Falling Knife

                นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรทำการซื้อขายในช่วงสถานการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น”:

                มีความเสี่ยงอย่างมาก

                เมื่อราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเปิดสถานะการซื้อขาย การลดลงอย่างรวดเร็วอาจจะปิดสถานะ Stop-Loss มากมายได้ ถึงแม้ว่าคุณวางแผนที่จะเปิดสถานะ Short — ขายสูงและซื้อต่ำ — การเด้งกลับจากระดับแนวรับลวงก็อาจจะทำให้เกิดการชำระบัญชีสถานะได้ เหมือนกับว่าคุณตามหลังอยู่ตลอดและพยายามที่จะตามการเทรดของคุณให้ทันในสถานการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” นี้

                ผลตอบแทนที่ต่ำ

                สำหรับสถานะ Long เราก็ไม่แนะนำให้ทำการเทรดในสถานการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน เนื่องจากโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นนั้นต่ำกว่าที่มันจะลดลงไป

                นอกเหนือจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ต่อไปนี้คือหลุมพรางอื่นๆ ในการเทรดในช่วงสถานการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น”:

              • ขาดแนวรับที่ชัดเจน
              • การประเมินทิศทางตลาดของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างคริปโตนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
              • ระดับความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเทรดสถานะ Long ในช่วงสถานการณ์ดังกล่าวนั้นไม่คุ้มค่า
              • ราคาลดลงครึ่งนึงจากสถานการณ์ดังกล่าว และอีกครึ่งจากการขายอย่างตื่นตระหนก
              • นอกเหนือจากนั้น คุณอาจจะต้องระวังโปรเจกต์ที่น่าสงสัยที่อาจจะทำให้เกิด “มีดที่กำลังร่วงหล่น” จากการ Rug-Pull

                คุณจะสามารถเทรดในช่วง Falling Knife ได้เมื่อใด?

                ถึงแม้ว่าเราจะไม่แนะนำให้ทำการเทรดในช่วงดังกล่าว แต่นี่คือวิธีการที่ดีที่สุดบางส่วนซึ่งคุณสามารถทำได้ (แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่):

                ระดับแนวรับและแนวต้าน

                ประเด็นอาจจะดูขัดแย้งไปบ้าง เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” นั้นเกี่ยวข้องกับระดับแนวรับลวง ดังนั้น เรามาดูคำอธิบายอย่างรวดเร็วกัน

                ใช่แล้ว ระดับแนวรับในช่วงการเคลื่อนไหวขาลงนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรจะเก็บข้อมูลแนวรับนี้ไว้เพื่อระบุจุดตกที่อาจจะเป็นไปได้ในกรณีที่มีการเด้งกลับ ด้วยวิธีการดังกล่าว หากคุณมั่นใจว่าความเชื่อมั่นที่อ่อนแอลงจะผลักดันให้ราคาลดลงและเหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น การเปิดสถานะ Short ที่ระดับเด้งกลับ (เหนือระดับแนวรับ) ก็ดูสมเหตุสมผลดี

                ออสซิลเลเตอร์ (Oscillators)

                ตัวชี้วัดเช่น RSI, Commodity Channel Index (CCI) หรือแม้แต่ Stochastic Oscillator สามารถระบุตำแหน่งโซน Oversold (โซนที่มีแรงขายมากเกินไป) เพื่อระบุการเด้งกลับที่เป็นไปได้หรือโอกาสในการซื้อทรัพย์สินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในกรณีนั้น คุณควรจะมองหาสัญญาณ RSI หรือ MACD Divergence ในเชิงบวกเพื่อค้นหาโอกาสที่คล้ายคลึงกัน

                การกระจายความเสี่ยง

                เราขอแนะนำให้มีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการที่ราคาจะลดลงอย่างรวดเร็ว การมีสินทรัพย์หลากหลายรายการนั้นจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้

                DCA (ลงทุนแบบถัวเฉลี่ย)

                ในกรณีของ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” มันเป็นเรื่องยากมากที่จะประเมินทิศทางตลาด แนวทางการเทรดที่ดีก็คือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณมั่นใจเกี่ยวกับโอกาสและปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของโปรเจกต์

                และสุดท้าย คุณสามารถใช้คู่การซื้อขายที่เสถียรกว่า เช่น BTC-USD หรือ BTC-USDT แทนการแลกเปลี่ยนโทเค็นได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเปรียบเทียบและประเมินราคาของคริปโตกับสิ่งที่สเถียรกว่าได้

                คำศัพท์ที่คุณอาจจะสับสนกับ Falling Knife

                Dead Cat Bounce (ศพกระตุกก่อนตาย)

                สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเกิดการเด้งกลับหรือการฟื้นตัวของราคาชั่วคราว อย่างไรก็ตาม มันมักจะเกี่ยวข้องกับการลดลงของราคาในระยะยาวหรือแม้กระทั่งเกิดสถานการณ์คล้ายกับ “มีดที่กำลังร่วงหล่น” ซึ่งส่วนมากเป็นกับดักไว้สำหรับดักจับนักเทรด

                Bull Trap (กับดักกระทิง)

                นี่คือการเด้งกลับในอีกรูปแบบหนึ่งแต่มักจะมีตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือกว่า เช่น สัญญาณ RSI Divergence ในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายที่หมดลงจะช่วยให้คุณระบุโซนฟื้นตัวนี้ได้

                Oversold Region (บริเวณขายมากเกินไป)

                ถึงแม้ว่าการค้นหาบริเวณขายมากเกินไปของ RSI จะช่วยให้คุณค้นหาจุดต่ำสุดของตลาดได้ แต่มันก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป ในบางกรณี ตัวชี้วัดการขายมากเกินไปอาจจะนำไปสู่การฟื้นตัวเล็กน้อยก่อนที่การลดลงของราคาจะดำเนินต่อไป วิธีที่ดีในการตรวจสอบสิ่งนี้คือการให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานและรอให้ RSI ลดลงไปที่โซนขายมากเกินไป นอกจากนี้ คุณยังควรระวังการพุ่งขึ้นของ RSI อย่างฉับพลัน เนื่องจากมันอาจจะเป็นการบอกใบ้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

                เทรดหรือไม่เทรดในช่วง Falling Knife ดี?

                มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำการเทรดในช่วง “มีดที่กำลังร่วงหล่น” สิ่งที่เราแนะนำให้ทำมากที่สุดก็คือการรอให้ราคาปรับฐาน ย้อนกลับ หรือกลับไปเป็นขาขึ้นก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อ อย่างไรก็ตาม หากคุณยอมรับความเสี่ยงสูงได้ และไม่สนใจหากจะต้องจับมีดที่ร่วงหล่นลงมา เราขอแนะนำให้คุณจับมันจากด้านบน (ซึ่งก็คือที่จับของมัน) นั่นหมายความว่ามคุณสามารถขายที่ราคาด้านบนและซื้อมันกลับเมื่อราคาลดลง การเปิดสถานะ Short นั้นเป็นวิธีการที่ดีกว่าที่จะเทรดในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ แต่คุณต้องแน่ใจก่อนว่ามันคือมีดที่ร่วงลงมานะ ไม่ใช่กับดักหมี

                คำถามที่พบบ่อย

                Falling Knife คืออะไร?

                Falling Knife เป็นสถานการณ์ที่ราคาของคริปโตหรือหุ้นลดลงอย่างรวดเร็ว ชื่อของมันมาจากการลดลงอย่างรวดเร็วจนดูอันตราย เปรียบเสมือนมีดที่ร่วงหล่นลงมา ซึ่งไม่ควรเอามือเข้าไปจับและอาจจะทำให้คุณบาดเจ็บได้ ดังนั้น Falling Knife จึงเป็นสัญญานเตือนเมื่อราคาลดลงเป็นอย่างมากและต่อเนื่องโดยไม่มีการเด้งกลับ

                คุณควรจะช้อนซื้อสินทรัพย์ที่ราคาลดลงมาในสถานการณ์ดังกล่าวหรือไม่?

                คุณไม่ควรที่จะจับมีดที่หล่นลงมา (หรือก็คือไม่ควรช้อนซื้อสินทรัพย์ที่ราคาร่วงลงมาในกรณีนี้) เนื่องจากมันมีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนต่ำ และยังมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดความเครียดสูง อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการที่จะเทรดในสถานการณ์ดังกล่าว ให้ลองทำการเปิดสถานะ Short แทน

                ขั้วตรงข้ามของ Falling Knife คืออะไร?

                แนวโน้มขาขึ้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับมีดที่กำลังร่วงหล่น อย่างไรก็ตาม หากคุณมองในระยะสั้น Dead Cat Bounce (ศพกระตุกก่อนตาย) ก็อาจจะเป็นสิ่งที่สมน้ำสมเนื้อกัน เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงในราคาของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาว่ามันจะเด้งกลับขึ้นมาได้ถึงที่ระดับใด

                คุณควรที่จะซื้อสินทรัพย์เมื่อราคามันดิ่งลงหรือไม่?

                ไม่ว่าจะเป็นคริปโตหรือหุ้นที่ดิ่งลง คุณควรรอให้มันถึงจุดต่ำสุดก่อน โดยใช้ตัวชี้วัด เช่น RSI และ Bollinger Bands เพื่อพยายามระบุจุดต่ำสุด เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว ให้ตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของมัน รอการเปลี่ยนเป็นขาขึ้นและการย้อนกลับ จากนั้นจึงค่อยพิจารณาในการเข้าซื้อมัน

                กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก BeInCrypto

                ความคิดเห็นล่าสุด

                การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
                ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
                Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
                ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
                Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
                เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย